การฟอกสีฟันก็จะเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยคนที่มีปัญหาฟันไม่ขาว ให้มีฟันขาวขึ้นได้ แต่การฟอกสีฟันเองก็มีหลายแบบ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าการฟอกสีฟันแบบไหนดีที่สุด ในบทความนี้จึงนำข้อมูลเกี่ยวกับการฟอกสีฟันแต่ละแบบมาเปรียบเทียบให้เห็นกัน ว่าแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
การฟอกสีฟันคือกระบวนการที่ช่วยให้ฟันเพิ่มความขาวขึ้น เพื่อฟื้นฟูฟันที่เหลืองหรือมีคราบ ชา กาแฟ หรือบุหรี่ ให้ดูดีขึ้น โดยการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟัน ที่สามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่ทำด้วยตัวเอง หรือทำในคลินิกซึ่งจะมีความเชี่ยวชาญ และอุปกรณ์พร้อมช่วยให้เห็นคราบที่ฟันชัดยิ่งขึ้น
การฟอกสีฟันไม่ว่าจะเป็นการทำในคลินิกหรือทำเองที่บ้าน มีส่วนทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริง เนื่องจากในการรักษาฟัน ทางทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการวินัยฉัยและตรวจดูสภาพฟันของผู้ป่วยก่อน จากนั้นจึงตัดสินใจว่าจะเลือกวิธีฟอกสีฟันแบบไหนถึงดีที่สุด เนื่องจากการฟอกสีฟันให้มีเฉดขาวสวยขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการปรึกษาและประเมินในเบื้องต้นก่อน
การฟอกสีฟันสามารถแบ่งใหญ่ๆ ได้ 2 แบบ คือ แบบที่ทำเองที่บ้านได้ กับแบบที่ต้องทำที่คลินิก แต่ทั้ง 2 แบบก็มีวิธีแยกย่อยลงมาอีกซึ่งบางวิธีการทำก็อาจจะทำได้ทั้งในคลินิกและที่บ้าน
โดย PLUS Dental Clinic จะมาแนะนำ 3 ตัวอย่าง ที่นับว่าดีและนิยมในการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันแบบ Opalescence เป็นการฟอกสีฟันโดยการใช้เจลฟอกสีฟัน ที่จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนทำให้ฟันขาวขึ้น แม้ว่าเจลจะไม่โดนฟันทุกส่วนก็ตาม วิธีนี้จะไม่มีการใช้แสงหรือความร้อนมากระตุ้นปฏิกิริยา อีกทั้งยังผสม Potassium Nitrate และ Fluoride กับเจลเพื่อช่วยถนอมผิวฟันระหว่างการฟอกสีฟัน ซึ่งจะเห็นผลได้ภายในเวลา 60 นาที ขณะเดียวกัน การรักษาดังกล่าวยังสามารถทำได้ที่บ้านอีกด้วย โดยการนำน้ำยาชนิดเดียวกับที่ฟอกสีฟันแบบ Opalescence ในคลินิกมีทำที่บ้าน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันไปพร้อมๆ กับถนอมผิวฟัน และชื่นชอบที่จะฟอกสีฟันด้วยเจลมากกว่าการใช้แสง
เป็นวิธีที่มีความซับซ้อนน้อยเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ สามารถฟอกเองได้ ด้วยการเตรียมผิวฟันด้วยการขูดหินปูนกับทางคลิกนิก จากนั้นซื้อเจลฟอกฟันชนิดนี้กลับไปทำที่บ้าน
ถึงจะสามารถทำเองได้ แต่ก็แนะนำให้ทำกับคลินิก ที่มีการดูแลโดยทันตแพทย์ เพื่อให้การฟอกฟันเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพในการทำครั้งเดียว
การฟอกสีฟันแบบ Zoom เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากการฟอกสีฟันแบบ Zoom จะมีการใช้ไฟ LED สีฟ้าขนาดเข้มข้นมากระตุ้นปฏิกิริยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่สูง ขจัดเม็ดสีในฟันโดยเฉพาะสีเหลืองโดยไม่ทำร้ายรากฟันและเห็นผลลัพธ์ได้ภายในเวลา 45 นาที สามารถทำเฉดสีฟันขาวขึ้นสูงสุดได้ถึง 8 เฉดตามสภาพฟันของแต่ละคน
เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเร็วในการเห็นผล ผู้ที่มีปัญหาหรือเป็นห่วงสุขภาพของรากฟันเป็นพิเศษ หรือผู้ที่ต้องการเฉดความขาวที่เหมาะสมกับสภาพฟัน
เป็นการฟอกสีฟันที่ได้ผลลัพธ์สูง ได้ผลรวดเร็ว และรักษาสุขภาพของฟันรวมถึงรากฟันได้ดี
ด้วยการฟอกฟันลักษณะนี้ที่ทำให้เฉดขาวขึ้นได้ 8 เฉด จึงแนะนำให้ทำที่คลินิกเพื่อให้ทันตแพทย์ได้ตรวจและเปรียบเทียบเฉดสีฟัน เพื่อให้การรักษาออกมามีประสิทธิภาพมากที่สุด
การฟอกสีฟันแบบ Cool light เป็นการใช้แสงร่วมกับน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง โดยที่ Cool light LED จะเข้าไปกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟัน เพื่อให้ตัวน้ำยาที่ใช้เพื่อขจัดเม็ดสีในเนื้อฟันโดยเฉพาะสีเหลืองได้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฟอกสีฟันด้วยวิธีนี้สามารถปรับสีฟันให้ขาวขึ้นได้ 3-5 เฉด ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคล
ผู้ที่ต้องการฟอกสีฟันที่มีเฉดสีเข้ากับสภาพฟันของตนเองในราคาที่ย่อมเยา
สามารถปรับเฉดสีให้เข้ากับสภาพฟันได้ อีกทั้งอยู่ในความดูแลของทันตแพทย์ตลอดจึงมีความปลอดภัยสูง
จะเห็นได้ว่ามีตัวเลือกในการฟอกสีฟันที่ทำได้ทั้งที่บ้านและที่คลินิก แต่ที่แนะนำที่สุดคือการฟอกที่คลินิก เนื่องจากดูแลโดยทันตแพทย์จะสามารถปรึกษาได้ตลอด ปลอดภัย ได้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงฟันขาวไม่สม่ำเสมอจากการฟอกสีฟันเอง ลดโอกาสการเกิดความผิดพลาดได้ โดยเฉพาะการรักษาและฟอกสีฟันขาวด้วยอุปกรณ์เฉพาะทาง เช่น อุปกรณ์ฉายแสง ที่ต้องอาศัยทันตแพทย์ผู้ชำนาญในการรักษาอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำทันตกรรมให้กับผู้ป่วยที่เข้ามารับการรักษากับทางคลินิก
สิ่งที่จะตอบคำถามที่ว่า “ควรไปฟอกฟันขาวที่ไหนดี” ได้นั้นก็อยู่ที่ความปลอดภัย คุณภาพที่เหมาะสมและราคาที่คุ้มค่า ซึ่งที่ PLUS Dental Clinic เองก็มีการฟอกสีฟันให้เลือกหลายแบบ มีการดูแล ให้คำแนะนำจากทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีอัตราค่าบริการฟอกสีฟันที่หลากหลาย ดังนี้
• ฟอกสีฟัน Opalescence: 6,900 บาท/ครั้ง
• ฟอกสีฟัน Zoom: 8,900 บาท/ครั้ง
• ฟอกสีฟัน Cool Light LED: 3,000 บาท/ครั้ง
• ฟอกสีฟัน Home Bleaching: 3,000 บาท/ชุด รวม Tray ฟอกสีฟันแล้ว (จากราคาเต็ม 5,000)
ฟันที่ควรทำการฟอกสีฟันก็จะมีหลายลักษณะ เช่น
นอกจากนั้นแล้วผู้ที่ประกอบอาชีพที่อาศัยบุคลิกภาพที่ดี เน้นการยิ้ม การพูดคุย การเจรจากับผู้อื่น ก็ควรจะเข้ารับการฟอกสีฟันเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการทำงานให้มากขึ้นไป
แม้ว่าการฟอกสีฟันจะเป็นเรื่องดี แต่ก็มีลักษณะอาการบางประการที่ไม่เหมาะที่จะฟอกสีฟัน เช่น
• ผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอดแล้วแต่ยังต้องให้นมบุตร เนื่องจากการฉายแสง LED อาจรบกวนลูกน้อยในครรภ์ได้
• ผู้ที่กำลังมีปัญหาเกี่ยวกับโรคเหงือก เหงือกอักเสบ และเหงือกร่น รวมถึงปริทันต์อื่นๆ เพราะน้ำยาที่ใช้ฟอกสีฟันนั้นอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้น
คนที่มีอาการเสียวฟันอยู่ก่อนแล้ว จะทำให้มีอาการเสียวฟันรุนแรงขึ้น
• ผู้ที่ผ่านการทำเคลือบฟัน อุดฟัน ซ่อมคอฟันจะไม่สามารถฟอกสีฟันได้ เนื่องจากน้ำยาที่ใช้จะทำปฏิกิริยากับฟันแท้เท่านั้น และจะไม่เห็นผลกับฟันที่เคลือบ หรือฟันที่อุดมา
• คนที่อยู่ในช่วงจัดฟัน เพราะน้ำยาจะได้ผลแค่ฟันบริเวณที่ไม่ติดเครื่องมือ ทำให้ฟันขาวไม่ทั่วถึง
• ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี ยังไม่ควรฟอกสีฟัน เนื่องจากร่างกายยังมีการพัฒนาอยู่ รวมถึงเส้นประสาทในฟันและโพรงประสาทฟันด้วย ทำให้อาจมีผลข้างเคียงตามมาคือ เกิดเสียวในโพรงฟัน รวมถึงเกิดความระคายเคืองได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่
• ผู้ที่มีฟันเป็นคราบสีเข้ม ฟันสีออกน้ำตาล จะมีการตอบสนองต่อการฟอกสีฟันได้น้อย และหากเป็นคราบสีเทาหรือม่วงก็อาจไม่ตอบสนองเลย โดยเฉพาะคราบสีเทาอมฟ้าที่เกิดจากการใช้ยาเตตราไซคลีน (Tetracycline) จะใช้วิธีฟอกสีฟันได้ไม่เห็นผลดี
ก่อนฟอกสีฟันจะมีกระบวนการต่างๆ ที่ใช้ตรวจความพร้อมให้กับผู้ที่จะทำการฟอกสีฟัน เช่น
เมื่อตรวจและแก้ปัญหาฟันอื่นๆ ทุกอย่างแล้วก็จะสามารถเข้ารับการฟอกสีฟันให้ขาวได้
การฟอกสีฟันครั้งแรกก็จะทำให้เห็นได้ว่าฟันขาวขึ้นอย่างน้อยประมาณ 1-5 เฉด ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคน ซึ่งหากฟันเดิมเหลืองมากอาจจะต้องทำหลายรอบกว่าจะขาวได้ตามที่ต้องการ
การฟอกสีฟันแต่ละครั้งจะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาที ขึ้นอยู่กับวิธีที่ใช้
การฟอกสีฟันอาจจะมีผลข้างเคียงบ้าง เช่นทำให้เกิดการเสียวฟัน ซึ่งจะพบได้ในคนที่มีปัญหาเรื่องฟันอยู่ก่อนแล้วมากกว่า แต่ก็สามารถเกิดกับทุกคนได้
การฟอกสีฟันสามารถอยู่ได้นานประมาณปีถึงปีครึ่ง ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกินและการดูแลฟันด้วย
การฟอกสีฟันจะไม่ทำให้เนื้อฟันบางลงแต่อย่างใด
ไม่ควรฟอกสีฟันระหว่างติดอุปกรณ์อย่าง รีเทนเนอร์ เพราะจะทำให้ฟันขาวไม่ทั่วถึง
หลังจากฟอกสีฟันแล้วถ้าอยากรักษาฟันขาวให้อยู่นานๆ ก็สามารถทำได้โดยการดูแลฟันเหมือนกับปกติทั่วไป เช่น ทำการแปรงฟันให้ถูกวิธี ใช้ไหมขัดฟัน และ หลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้เกิดคราบฟัน เช่น กาแฟ ชา เลี่ยงการสูบบุหรี่ หรืออย่างน้อยที่สุด คือ งดสูบบุหรี่ 2 ชั่วโมง หลังจากการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟัน เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ทุกคนมั่นใจในรอยยิ้มของตัวเองมากขึ้น เพราะว่าการฟอกสีฟันนั้นจะช่วยปรับสีผิวฟันให้ดูขาว หรือสว่างขึ้นกว่าสีเดิม แถมยังมีหลากหลายรูปแบบ และหลากหลายราคา ทำให้ไม่ว่าทุกคนจะเลือกวิธีแบบไหน ก็จะสามารถได้การฟอกสีฟันแบบที่ดีที่สุด ตอบโจทย์ความต้องการ และเหมาะสมกับงบประมาณของตัวเอง นอกจากนี้ จะต้องดูแลช่องปาก และฟันให้ดีหลังจากที่เข้ารับการฟอกสีฟัน เพื่อช่วยยืดอายุสีฟันที่ขาว และกระจ่างใสให้อยู่กับทุกคนได้นานที่สุด