รากฟันเทียมมีหลากหลายยี่ห้อ มีประเภทของวัสดุแตกต่างกัน และมาจากหลากหลายประเทศ ทาง PLUS Dental Clinic มีมาแนะนำทั้งหมด 5 แบรนด์ ซึ่งแต่ละแบรนด์จะมีข้อดีหรือจุดเด่นที่น่าสนใจในเรื่องของอะไรบ้าง และจะตัดสินใจเลือกอย่างไรให้เหมาะกับตัวเองมากที่สุด ไปดูกันเลย
• Astra Tech จากสวีเดน ทำจากวัสดุไททาเนียม เด่นในเรื่องการรักษาระดับกระดูกโดยรอบ ติดเร็ว แน่น และแข็งแรง ใช้ชิ้นส่วนน้อย และมีความหยืดหยุ่นสูง
• Zimmert Biomed จากUSA ราคาไม่แพงมาก คุ้มค่า เหมาะสำหรับสุขภาพฟันที่แตกต่างกัน ลดเวลาในการรักษา และฟื้นตัวได้ไว
• Straumann จากสวิตเซอร์แลนด์ เป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุด ผิวของรากเทียมทำจากไททาเทียม มีความแข็งแรง ช่วยยึดติดกับกระดูกขากรรไกรในระดับเซลล์ ทำให้แผลหายได้ไวอีกด้วย
• Osstem จากเกาหลี มีการค้นคว้าและทดสอบอย่างถี่ถ้วน โดยอัตราความสำเร็จถึง 99.6% นับว่าเป็นยี่ห้อชั้นนำด้านรากฟันเทียม
• Neobiotech จากเกาหลี อีกหนึ่งยี่ห้อที่รักษามาตรฐานคุณภาพผลิตภัณฑ์ไว้ได้สูงอยู่ตลอด
ปัจจัยในการเลือกรากฟันเทียมในแบบต่างๆ นั้นควรจะดูที่อะไรบ้าง
• ความแข็งแรงของตัวสกรู
• พื้นผิวของตัวรากเทียม
• การวิจัยของแต่ละแบบ
• การรับประกันของแต่ละแบบ
• บริษัทที่เลือกมีความมั่นคงมากแค่ไหน
ทั้งนี้ วิธีการเลือกนั้นจะขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่ และขึ้นอยู่กับทันตแพทย์ประเมินว่าแบบไหนเหมาะกับคนไข้ที่สุด เพราะแต่ละยี่ห้อไม่สามารถรองรับได้กับทุกสภาพช่องปาก
การทำรากฟันเทียมมีหลากหลายรูปแบบ ทันตแพทย์อาจเลือกตามความเหมาะสม รูปแบบต่างๆ นั้นจะแบ่งจากจำนวนฟันที่ต้องรักษาและความแข็งแรงของขากรรไกรคนไข้ ดังนี้
วิธีทั่วไป คือ การฝังรากเทียมแทนฟันซี่ที่หายไป จะแค่ซี่เดียว หรือหลายซี่ หรืออาจจะทั้งปากก็ได้เช่นกัน การทำรากฟันเทียมแบบทั่วไปนั้นจะเว้นเป็น 2 ช่วง ระยะห่างประมาณ 3 เดือน เพื่อให้รากเทียมได้ยึดติดกับกระดูกก่อนแล้วค่อยทำการครอบฟัน เหมาะกับคนที่สูญเสียฟัน และไม่ต้องการที่จะใส่ฟันปลอมแบบถอดได้
การฝังรากเทียมแบบทันทีหรือเรียกอีกอย่างว่า One day implants คือการฝังรากเทียมหลังจากที่ถอนฟันทันที ไม่ต้องรอ 3 เดือน ซึ่งในบางกรณีก็อาจจะทำการครอบฟันเลย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของทันตแพทย์ว่าสามารถทำได้เลยหรือไม่ การฝังรากฟันเทียมวิธีนี้เหมาะกับบุคคลที่มีขากรรไกรที่แข็งแรงเท่านั้น
การฝังรากฟันเทียมแบบพร้อมครอบฟันทันที คือการใส่ครอบฟัน หรือสะพานฟันลงบนรากเทียม แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของทันตแพทย์ การฝังรากฟันเทียพร้อมครอบฟันทันทีเหมาะกับบุคคลที่มีขากรรไกรที่แข็งแรง
ขั้นตอนการทำรากฟันเทียมมีอะไรบ้างนะ? ใครที่อยากรู้รายละเอียดเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะได้ต้องเตรียมตัวได้ สามารถอ่านได้ในหัวข้อนี้เลย โดยขั้นตอนต่างๆ ที่นำมาฝากในหัวข้อนี้เป็นขั้นตอนการทำรากฟันเทียมสำหรับกรณีที่เสียฟันไปซี่เดียว แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ใส่รากฟัน และส่วนที่ใส่ที่ครอบฟัน ดังนี้
ในส่วนที่ 1 เริ่มจากพบทันตแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิฉัย และวางแผนในการรักษา ทันตแพทย์จะอธิบายขั้นตอนการรักษาคร่าวๆ ให้คนไข้ แจ้งค่าใช้จ่าย และทำการนัดหมายวันที่จะทำการรักษา
หลังจากนั้นจะมีการทำพิมพ์ปาก เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ 3 มิติ และทำการปักรากฟันเทียมเฉพาะที่ โดยระยะเวลาในการรักษาจะอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ แต่ถ้ามีกรณีอื่นๆ เช่น มีการทำศัลยกรรมเพิ่มเติม อาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
เมื่อทำการผ่าตัดเสร็จแล้ว ทันตแพทย์จะเย็บแผล และนัดตัดไหมในอีก 1 อาทิตย์ต่อไป หลังจากนั้นจะต้องรอ 3 เดือนเพื่อให้รากเทียมกับกระดูกยึดติดกัน แล้วค่อยทำการนัดใส่ครอบฟันในส่วนที่ 2
เมื่อครบกำหนด 3 เดือน ทันตแพทย์จะนัดหมายให้มาพิมพ์ปาก เพื่อนำใส่ครอบฟัน และส่งแลปเพื่อทำครอบฟันเทียม และนัดใส่ครอบฟันในอีก 1 อาทิตย์ หลังจากทำการครอบฟันเสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว ทันตแพทย์จะนัดตรวจอาการทุกๆ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และทุกๆ ปีหลังจากที่ทำ
การทำทันตกรรมไม่ว่าจะทำในส่วนไหนก็ต้องเลือกคลินิกที่มีทันตแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในช่องปากอันเนื่องมาจากการรักษาที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ นอกจากนั้นควรเลือกคลินิกที่ตรวจสอบได้ และได้รับการรับรองมาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่น PLUS Dental Clinic เป็นคลินิกที่มีคุณภาพ ได้รับมาตรฐานคลินิกทันตกรรม และมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรการสาธารณสุข