การจัดฟันแบบโลหะ เป็นประเภทการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะสามารถเปลี่ยนสียางได้ตามใจชอบ มีสียางให้เลือกหลากสีสัน และ เหมาะสำหรับคนที่มีงบจัดฟันแบบจำกัดด้วย
การจัดฟันแบบโลหะ คือ การรักษาทางด้านทันตกรรมจัดฟันรูปแบบหนึ่งที่ช่วยในเรื่องการเรียงตัวของฟันให้เป็นระเบียบ สวยงาม และเพื่อทำให้การสบฟันของฟันบนและล่างอยู่ในจุดที่ต้องการ นอกจากความสวยงาม และการเรียงตัวของฟันแล้ว การจัดฟันยังช่วยในเรื่องของคนที่มีปัญหาเรื่องรูปฟันต่างๆ เช่น ฟันซ้อน ฟันเก ฟันห่าง หรือฟันเหยิน ที่สามารถสร้างผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันพื้นฐาน อย่างการทานอาหาร การพูดออกเสียง ไปจนถึงอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ จนทำให้เสียบุคลิกภาพได้เลย ดังนั้น สิ่งที่การจัดฟันเข้าไปช่วยมากกว่าการเรียงตัวของฟัน คือ สุขภาพช่องปากที่ดี ส่งเสริมให้ทุกคนสามารถมีรอยยิ้มที่มั่นใจ และเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีขึ้นได้
การจัดฟันแบบโลหะหรือการจัดฟันแบบเหล็ก สามารถแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ จัดฟันโลหะแบบรัดยาง (Matal Braces) และการจัดฟันแบบโลหะที่ไม่ต้องใช้ยางจัดฟัน หรือที่เรียกว่า การจัดฟันแบบดามอน (Damon) ซึ่งเป็นแบร็กเก็ตลักษณะบานพับแบบพิเศษ
โดยการจัดฟันโลหะที่ใช้ยางจัดฟัน เป็นการใช้โอริง (O-ring) รัดลวดจัดฟันให้ติดกับแบร็กเก็ต เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนไว้ ในขณะที่การจัดฟันแบบดามอนไม่ต้องใช้โอริง เพราะมีตัวล็อกลวดจัดฟันอยู่ที่ตัวแบร็กเก็ตอยู่แล้ว สามารถช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนได้เช่นกัน
ความพิเศษของการจัดฟันโลหะแบบรัดยาง (Matal Braces) คือ ตัวเครื่องมือจัดฟันจะมียางรัดฟันที่มีสีสันสวยงาม จนกลายเป็นแฟชั่นนิยมในกลุ่มวัยรุ่น มีตั้งแต่สีอ่อน สีเข้ม ไปจนถึงสีพาสเทลสดใสให้เลือกได้ตามความชอบ ซึ่งการเปลี่ยนสียางจัดฟันแบบนี้ ทันตแพทย์มักทำการเปลี่ยนให้คนไข้ในทุกๆ หนึ่งเดือน
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟันแบบโลหะของแต่ละคลินิกมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน โดยที่ PLUS Dental Clinic มีให้แพ็กเกจโปรโมชั่นให้ผู้ที่สนใจจัดฟันโลหะมีราคาให้เลือกมากถึง 2 แพ็กเกจ ดังนี้
การจัดฟันแต่ละแบบนั้น มีเครื่องมือในการจัดฟันที่แตกต่างกัน แต่มีจุดประสงค์เดียวกัน คือ การเคลื่อนฟันให้มาเรียงตัวกันอย่างสวยงาม หากใครที่กำลังวางแผนจะจัดฟัน แต่ไม่รู้ว่าเหล็กดัดฟันมีกี่แบบ หรือการจัดฟันแบบโลหะกับแบบอื่นๆ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร ทางคลินิกจึงอยากชวนไปดูกันว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ นั้นมีรายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง ดังนี้
การจัดฟันแบบดามอนนั้นจะเป็นการจัดฟันแบบโลหะเช่นกัน ทว่าไม่ต้องใช้ยางจัดฟันในการรัดลวดจัดฟันกับแบร็กเก็ต แต่เป็นการออกแบบให้มีคลิปล็อกลวดจัดฟันในตัว จึงสามารถช่วยลดแรงกดที่เกิดจากยางจัดฟันได้ พร้อมทั้งช่วยให้รู้สึกเจ็บน้อยกว่าด้วย แต่ยังคงประสิทธิภาพในการเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนไว้ได้ดีเช่นเดิม
การจัดฟันแบบใสนั้นจะใช้เครื่องมือในการจัดฟันเป็นที่ครอบฟันใส สามารถถอดเข้า-ออกได้ โดยจะมีการติดปุ่มเคลื่อนฟัน หรือ Attachments ไว้บนผิวฟัน เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์กำหนด ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายในการจัดฟันค่อนข้างสูง แต่ใช้ระยะเวลาในการจัดฟันน้อยกว่าการจัดฟันแบบอื่นๆ
สำหรับข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ มีดังนี้
สำหรับข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ มีดังนี้
การจัดฟันแบบโลหะนั้น ไม่ใช่ว่าเดินเข้าคลินิกแล้วจะสามารถติดเครื่องมือจัดฟันได้เลย แต่ต้องมีการตรวจประเมินและวางแผนในการรักษาจากทันตแพทย์ในเบื้องต้นก่อน โดยทางคลินิกรวบรวม 6 ขั้นตอนในการจัดฟันแบบโลหะที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจจัดฟันแบบเหล็ก ดังนี้
ขั้นตอนแรกของการจัดฟันแบบโลหะ คือ การตรวจสุขภาพช่องปาก โดยทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพภายในช่องปากว่ามีส่วนไหนที่มีความผิดปกติหรือไม่ และตรวจวินิจฉัยโครงสร้างฟันแบบคร่าวๆ เพื่อวางแผนในการรักษาส่วนที่ผิดปกติได้อย่างถูกต้อง และจะได้รู้ว่าสามารถจัดฟันได้หรือไม่
ขั้นตอนที่ 2 ของการจัดฟันแบบโลหะ คือ การเอกซเรย์และพิมพ์ฟัน โดยในขั้นตอนนี้จะต้องทำการเอกซเรย์ฟัน เพื่อให้ทันตแพทย์นำฟิล์มเอกซเรย์มาวางแผนการรักษา รวมถึงนำมาใช้ในการติดตามผลว่าตั้งแต่เริ่มรักษาจนถึงปัจจุบันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง หลังจากนั้นจึงทำการพิมพ์ฟัน ซึ่งในปัจจุบันการพิมพ์ฟันจะมี 2 รูปแบบ คือ การพิมพ์ฟันแบบปูน และการพิมพ์ฟันแบบดิจิทัลด้วยเครื่อง 3D Scanner เพื่อให้ทันตแพทย์นำมาวิเคราะห์ปัญหาในการสบฟัน รูปร่างฟัน และขนาดของฟัน ก่อนนำไปใช้วางแผนการรักษาและติดตามผลร่วมกับฟิล์มเอกซเรย์
ขั้นตอนที่ 3 ของการจัดฟันแบบโลหะ คือ การเคลียร์ช่องปาก โดยในขั้นตอนนี้เป็นการเคลียร์ช่องปากให้พร้อมก่อนทำการติดเครื่องมือ เช่น อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินปูน หรือผ่าฟันคุด เป็นต้น ขึ้นอยู่กับปัญหาสุขภาพช่องปาก และฟันของคนไข้แต่ละคน ทั้งนี้ การเคลียร์ช่องปากสามารถทยอยรักษาในแต่ละหัตถการได้ โดยทันตแพทย์จะประเมินว่าควรทำรักษาและทำอะไรก่อน-หลัง
หลังจากเคลียร์ช่องปากเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปของการจัดฟันแบบโลหะ คือ การติดเหล็กจัดฟันครั้งแรก โดยในขั้นตอนนี้ ทันตแพทย์จะทำการติดแบร็กเก็ตไว้ที่ผิวฟันแต่ละซี่ หลังจากนั้นจึงทำการใส่ลวดจัดฟันและใส่ยางจัดฟัน เพื่อรัดลวดจัดฟันไว้กับแบร็กเก็ต เพื่อให้ฟันเริ่มเคลื่อนไปยังตำแหน่งที่ทันตแพทย์วางแผนไว้
ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่ทันตแพทย์จะคอยดูแล และอธิบายการเคลื่อนฟันในแต่ละขั้นตอนให้คนไข้ได้เข้าใจ และออกแบบรอยยิ้มร่วมกัน รวมถึงติดตามการรักษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การจัดฟันเคลื่อนที่ไปยังแผนที่วางไว้ได้ ดังนั้น ทันตแพทย์จึงแนะนำให้คนไข้เข้ามาพบทุกๆ เดือน รวมถึงหลายๆ คนก็สนุกสนานไปกับการเปลี่ยนสียางเวลามาพบทันตแพทย์อีกด้วย
ขั้นตอนสุดท้ายของการจัดฟันแบบโลหะและการจัดฟันแบบอื่นๆ คือ การใส่รีเทนเนอร์หลังจัดฟัน โดยหลังจากถอดเหล็กจัดฟันจะมีการพิมพ์ปากอีกครั้ง เพื่อทำรีเทนเนอร์ โดยรีเทนเนอร์นั้นเป็นเครื่องมือคงสภาพฟันที่ช่วยป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่หรือฟันล้มหลังจากถอดเครื่องมือแล้ว ดังนั้น ผู้ที่จัดฟันจึงควรใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
หลังจากติดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะแล้ว อาจทำให้การดูแลรักษา ทำความสะอาดฟันและช่องปากเป็นไปได้ยาก รวมถึงการมีข้อจำกัดในการทานอาหารมากขึ้น ดังนั้น คำแนะนำในการแปรงฟัน และข้อห้ามของผู้ที่จัดฟันแบบโลหะควรรู้ไว้ มีดังนี้
วิธีการแปรงฟันให้สะอาดสำหรับผู้ที่จัดแบบโลหะ มีดังนี้
สำหรับข้อควรหลีกเลี่ยงที่ผู้จัดฟันแบบโลหะควรรู้ไว้ มีดังนี้
หลังจากเข้ารับการจัดฟันแบบโลหะที่ PLUS Dental Clinic ให้ฟันซ้อนเก หรือฟันที่เรียงตัวไม่สวย กลับมาเรียงตัวสวยงาม สามารถพูดคุยและยิ้มได้อย่างมั่นใจ นอกจากนี้ ยังช่วยให้การสบฟันดีขึ้น ทำให้เคี้ยวอาหารได้ง่าย แถมยังดูแลและทำความสะอาดฟันได้ง่ายมากขึ้นอีกด้วย โดยสามารถดูเคสจัดฟันแบบโลหะได้ที่นี่
การเลือกคลินิกจัดฟันแบบโลหะนั้น ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานสาธารณสุข สามารถเดินทางได้สะดวก เพราะว่าการจัดฟันแบบโลหะนั้นจะต้องเข้าพบทันตแพทย์ทุกเดือน และต้องจัดฟันโดยทันตแพทย์เฉพาะทางการจัดฟันเท่านั้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดฟันเหล็กที่จะต้องมีราคาที่สมเหตุสมผลโดยที่ PLUS Dental Clinic นั้นมีทีมทันตแพทย์เฉพาะทางที่มากประสบการณ์ในด้านการจัดฟัน มีความสะอาด ปลอดภัย เครื่องมือทันสมัย สามารถเดินทางมายังคลินิกได้สะดวกสบาย เพราะมีให้บริการมากถึง 15 สาขา สะดวกสาขาไหน สามารถไปที่สาขานั้นได้เลย
สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากจัดฟัน แต่ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดฟันแบบโลหะ ทาง PLUS Dental Clinic จึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการจัดฟันแบบโลหะมาให้แล้ว ดังนี้
ทันตแพทย์ต้องพิจารณา และวินิจฉัยเป็นกรณีไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา หากมีความจำเป็นที่ต้องเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง เพื่อให้การสบฟันสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ทันตแพทย์ก็จะแนะนำให้ถอนฟัน ซึ่งทั้งหมดจะเป็นการตกลงร่วมกันระหว่างคนไข้ และคุณหมอเพื่อวางแผนการรักษา และออกแบบรอยยิ้มร่วมกัน
ถ้าหากแบร็กเก็ตหรือเหล็กจัดฟันหลุด จะต้องทำการติดใหม่ โดยจะเสียเงินหรือไม่ ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกว่ามีการคิดค่าบริการอย่างไรบ้าง เช่น บางคลินิกจะไม่เสียค่าบริการในครั้งแรก แต่มีเสียในครั้งต่อไปครั้งละ 500 หรืออาจจะเสียครั้งละ 500 ตั้งแต่ครั้งแรก และในบางคลินิกก็อาจไม่เสียค่าบริการเลย เป็นต้น
โดยส่วนใหญ่การจัดฟันแบบโลหะนั้นจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีว่ามีปัญหาความผิดปกติของฟันมากน้อยแค่ไหน
โดยปกติแล้วเหล็กจัดฟันหรือแบร็กเก็ตนั้นจะหลุดได้ยากมาก แต่เมื่อทานอาหารที่มีความแข็ง หรือความเหนียว ก็จะทำให้มีโอกาสหลุดได้ง่ายขึ้น และหากเหล็กจัดฟันหลุดบ่อย ควรแจ้งทันตแพทย์ เพื่อหาสาเหตุ และวิธีการแก้ปัญหาให้ตรงจุด
ทันตแพทย์จะแนะนำให้จัดฟันในเด็กที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว อายุประมาณ 11-13 ปี โดยการจัดฟันแบบโลหะสามารถจัดได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ที่มีปัญหาการสบฟันหรือฟันเรียงตัวไม่สวย
เพราะรอยยิ้มของคุณ ทำให้ทุกๆวันสดใส
และทำให้คุณมั่นใจ ทุกครั้งที่คุณยิ้ม
เราจึงคิดคอร์สจัดฟัน ที่เต็มไปด้วย
คุณภาพการบริการ และมาตรฐานการรักษา