การขูดหินปูน เป็นอีกสิ่งที่ทั้งเด็กๆ และผู้ใหญ่ไม่ชอบกันเป็นอย่างมาก เพราะต้องพบทันตแพทย์ รวมถึงต้องใช้เดินทาง และเสียเวลา ทำให้หลายๆ คนหันไปซื้ออุปกรณ์สำหรับขูดหินปูนด้วยตัวเองกันมากขึ้น แต่ว่าการขูดหินปูนเองนั้นส่งผลเสียและเป็นอันตรายได้อย่างที่ทุกคนคาดไม่ถึง
โดยในบทความนี้จะมาตอบคำถามที่ว่า “สามารถขูดหินปูนด้วยตัวเองได้หรือไม่” พร้อมเหตุผลที่จะทำให้ทุกคนทราบถึงผลเสีย และวิธีการป้องกันการสะสมของหินปูนแบบง่ายๆ จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
ทำไมถึงต้องขูดหินปูน?
หินปูนนั้นเกิดจากการทำความสะอาดช่องปากอย่างไม่ทั่วถึง และถ้าหากปล่อยให้คราบหินปูนสะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการเหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก ฟันผุ โรคปริทันต์ หรือโรคในช่องปากอื่นๆ ตามมาได้ และทำให้มีโอกาสเสี่ยงในการสูญเสียฟันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกคนจึงควรรับการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน หรือ 1 ปี
สามารถขูดหินปูนเองได้หรือไม่?
ทุกคนไม่สามารถขูดหินปูนด้วยตัวเองได้ เพราะว่า คราบหินปูนมีลักษณะแข็ง มักจะเกาะติดอยู่บนผิวฟัน และตามซอกฟัน ซึ่งการกำจัดคราบหินปูนนั้นไม่สามารถทำได้โดยการแปรงฟัน หรือซื้ออุปกรณ์สำหรับขูดหินปูนมาทำเองได้ จึงต้องใช้อุปกรณ์เฉพาะทางในการกะเทาะหินปูนออกจากผิวฟัน ซึ่งการขูดหินปูนโดยทันตแพทย์นั้นจะไม่ใช่การขูดบนผิวฟันโดยตรง และไม่ทำให้เกิดผลเสียแก่ช่องปาก ดังนั้น ทุกคนจึงควรรับการขูดหินปูนที่ทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น
7 เหตุผลที่ไม่ควรขูดหินปูนด้วยตัวเอง
เมื่อรู้แล้วว่าการขูดหินปูนนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟัน โดยหัวข้อนี้จะว่าด้วย 7 ข้อที่จะช่วยให้เข้าใจเหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ควรขูดหินปูนด้วยตัวเอง
1. สร้างความเสียหายให้กับผิวฟัน
ทุกคนไม่อาจทราบได้ว่าหินปูนที่เกาะอยู่บนผิวฟันนั้นมีความหนามากน้อยแค่ไหน เมื่อลงมือขูดหินปูนเองนั้นอาจจะขูดเยอะเกินไปจนโดนผิวฟัน หรือขูดไม่ถูกวิธีแล้วไปขูดผิวฟันแทนคราบหินปูน ทำให้ผิวฟันเสียหาย แถมยังทำให้ผิวฟันไม่เรียบอีกด้วย
2. สร้างบาดแผลในช่องปาก
การขูดหินปูนนั้นจะต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความแหลมคม เพื่อที่จะขูดคราบหินปูนที่ติดแน่นกับฟัน หากเราขูดหินปูนด้วยตัวเอง อาจทำให้เครื่องมือไปเกี่ยวอวัยวะอื่นๆ ในช่องปาก เช่น เหงือก กระพุ้งแก้ม และริมฝีปาก เป็นต้น ซึ่งอาจทำให้เกิดบาดแผล และอาการอักเสบตามมาได้
3. เสี่ยงต่อการเกิดโรคในช่องปาก
ในกรณีที่เกิดแผลจากการขูดหินปูนด้วยตัวเอง และมีโอกาสที่โรคในช่องปากจะเกิดตามมาในภายหลังได้นั้น เป็นเพราะบาดแผลในช่องปากจากการขูดหินปูนเองนั้นอาจส่งผลให้เหงือกอักเสบ จนเกิดอาการเหงือกบวม เหงือกร่น อาจกลายเป็นหนอง หรือโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวกับช่องปากได้อีกด้วย
4. เสี่ยงต่อการสูญเสียฟัน
การขูดหินปูนด้วยตัวเอง ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียฟันเพิ่มมาก ขึ้น เช่น อาการเหงือกอักเสบ ที่ส่งผลให้เหงือกบวม และอาจลุกลามกลายเป็นหนอง ทำให้ฟันโยกจนสูญเสียฟันได้ หรือโรคปริทันต์ เป็นโรคเกี่ยวกับเหงือกที่พัฒนามาจากอาการเหงือกอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการเหงือกไม่แข็งแรง เหงือกร่น ฟันโยกคลอนได้ เป็นเหตุให้มีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียฟันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
5. ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง
การขูดหินปูนนั้นไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการฝึกฝนและเรียนรู้วิธีที่จะขูดคราบหินปูนออกได้อย่างถูกวิธี และไม่เกิดบาดแผลในช่องปาก ดังนั้น ทุกคนจึงควรขูดหินปูนที่ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
6. อุปกรณ์ไม่ถูกสุขลักษณะ
เมื่อขูดหินปูนเองโดยใช้อุปกรณ์ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาจทำให้บาดแผลที่เกิดในช่องปากมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เพราะว่าอุปกรณ์สำหรับขูดหินปูนที่ซื้อมาใช้เองนั้นอาจไม่ได้มาตรฐานตามที่ทันตแพทย์หรือสถานพยาบาลเลือกใช้ นอกจากนี้ผู้ใช้อาจทำความสะอาดอุปกรณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย
7. ทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
วิธีเอาหินปูนออกเองที่ไม่ถูกต้องนั้น ทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดช่องปากได้อย่างทั่วถึง เพราะไม่สามารถมองเห็นภายในช่องปากตัวเองได้เท่ากับที่ทันตแพทย์เห็น ส่งผลให้ไม่สามารถขูดคราบหินปูนออกได้ทั้งหมด ทำให้เกิดการสะสมมากยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการสร้างความเสียหายต่อผิวฟัน แถมยังสร้างบาดแผลในช่องปากมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
วิธีลดการเกิดคราบหินปูนแบบง่ายๆ
หลายๆ คนที่ไม่ชอบพบทันตแพทย์ หรืออยากประหยัดค่าใช้จ่ายในการพบทันตแพทย์ คงทราบแล้วว่า การขูดหินปูนด้วยตัวเอง นั้นอันตรายหากทำโดยคนที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ ไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง และใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน อย่างไรก็ตาม แทนที่จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบผิดๆ ทุกคนสามารถป้องกันการเกิดหินปูนได้ด้วยพฤติกรรมช่วยลดการเกิดคราบหินปูนแบบง่ายๆ ที่เริ่มต้นทำได้ทันที ดังต่อไปนี้
แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ให้สะอาด
วิธีแรกที่ช่วยลดการเกิดคราบหินปูนได้ คือ การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง โดยการแปรงฟันในช่วงเช้า และก่อนเข้านอน พร้อมกับแปรงฟันตามขั้นตอนแปรงฟันอย่างถูกวิธี เพื่อลดการเติบโตของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งควรเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม และมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป เพื่อให้แปรงสีฟันเข้าถึงฟันได้ทุกซี่ และทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง
เลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์
เมื่อเลือกแปรงสีฟันที่เหมาะกับตัวเองได้แล้ว วิธีต่อไปที่จะช่วยป้องกันคราบหินปูนได้ คือ การเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เคลือบฟัน เพราะยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นส่วนประกอบนั้นสามารถลดการก่อของคราบหินปูนได้ นอกจากนั้นยังช่วยลดคราบพลัค และแบคทีเรียในคราบพลัค ช่วยป้องกันฟันผุ และเคลือบฟันให้แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย
บ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก
การบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปาก ช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนได้ โดยเลือกซื้อน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมในการช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เพื่อลดการจับตัวกันของแบคทีเรียก่อนที่จะกลายเป็นคราบหินปูน ดังนั้น ทุกคนจึงควรบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากเป็นประจำทุกวัน
ใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
วิธีการลดคราบหินปูนที่หลายๆ คนอาจจะมองข้าม คือ การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ เพราะว่าการแปรงฟัน และการใช้เพียงน้ำยาบ้วนปากนั้นไม่สามารถเข้าถึงบริเวณระหว่างซี่ฟันได้ดีเท่ากับไหมขัดฟัน ซึ่งไหมขัดฟันนั้นสามารถกำจัดเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน พื้นที่ภายในช่องปากที่สามารถทำความสะอาดได้ยาก และสามารถลดการเกิดคราบสะสมของหินปูนที่เกิดจากจุลินทรีย์ได้ แถมยังช่วยป้องกันฟันผุ ลดกลิ่นปาก และลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอาการเหงือกอักเสบได้อีกด้วย
หลีกเลี่ยงอาหาร หรือเครื่องดื่มรสชาติหวาน
การหลีกเลี่ยงอาหาร และเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวาน สามารถช่วยลดการสะสมของคราบหินปูนได้ เพราะว่าอาหารที่เป็นแป้งและน้ำตาลนั้นเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดคราบหินปูนจากการจับตัวกันระหว่างน้ำตาลและแป้งเข้ากับแบคทีเรียภายในช่องปาก ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรรู้ว่าหลังขูดหินปูนไม่ควรทานอะไร และเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็สามารถแปรงฟันหลังทาน และดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ ในระหว่างมื้ออาหาร และหลังมื้ออาหารได้เช่นกัน
การขูดหินปูน เพื่อรักษาสุขภาพช่องปากและฟัน ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม และควรขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน แต่ว่าไม่ควรหาวิธีเอาหินปูนออกเอง หรือขูดหินปูนด้วยตัวเอง เพราะว่าไม่มีความเชี่ยวชาญ และอุปกรณ์ที่ใช้นั้นอาจมีความสะอาดไม่เพียงพอ อาจสร้างความเสียหายให้ฟัน หรือสร้างบาดแผล เพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคในช่องปาก และเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ทุกคนจึงไม่ควรขูดหินปูนเอง และควรพบทันตแพทย์ เพื่อรับการรักษาที่ถูกวิธี
