เวลาที่เศษอาหาร น้ำลายและจุลินทรีย์ในปากของเรามาเจอกัน ก็จะตามมาด้วยการเกิดคราบหินปูนที่จะเคลือบผิวฟันเราอยู่เสมอ ซึ่งในช่วงแรกคราบเหล่านี้จะมีลักษณะที่อ่อนนิ่มสามารถทำความสะอาดโดยการแปรงฟันออกไปได้ แต่ก็จะมีหลายส่วนที่ทำความสะอาดได้ยาก เช่น บริเวณซอกฟันหรือรากฟัน ที่มักจะมีการตกค้างของคราบหินปูนจนเกิดการแข็งขึ้นเป็นคราบหินปูนสะสม ซึ่งคราบหินปูนเหล่านี้นำมาซึ่งปัญหากลิ่นปาก ฟันผุและโรคเหงือกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเหงือกอักเสบ เหงือกดำ
ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ที่ว่า ระยะเวลาของการขูดหินปูนที่เหมาะสมจะอยู่ที่ทุกๆ 6 เดือน เพื่อป้องกันการสะสมคราบฝั่งลึกนั่นเอง แต่สำหรับบางกรณีที่คราบสะสมฝั่งลึกลงไปจนถึงรากฟันที่อยู่ใต้เหงือก จึงทำให้ต้องทำความสะอาดอย่างล้ำลึกที่เรียกว่า การเกลาฟัน
และการเกลารากฟันคืออะไรล่ะ? คำตอบก็คือ การขูดหินปูนและเนื้อเยื่ออักเสบที่อยู่ลึกลงไปใต้เหงือกมากๆ ซึ่งจะต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์เมื่อพบว่ามีหินปูนสะสมอยู่ใต้เหงือก ข้อดีของการเกลารากฟันจะช่วยแก้ปัญหาเรื้อรังอย่างกลิ่นปาก ช่วยให้เหงือกแข็งแรง และทำให้ฟันแนบชิดกับเหงือกไม่โยกไปมา ทำให้คุณสามารถมั่นใจในรอยยิ้มและช่วยให้สุขภาพของช่องปากดีขึ้น
ในหัวข้อนี้จะพามาดูอาการต่างๆ ที่ส่งสัญญาณว่าเราอาจจะพบทันตแพทย์โดยเร็วเพื่อทำการเกลารากฟัน สร้างความมั่นใจให้กลับมาอีกครั้ง
• มีกลิ่นปากง่าย แม้จะเพิ่งแปรงฟันไปไม่นาน
• เหงือกมีการอักเสบบ่อย มีการบวม ปวดอยู่เป็นระยะ
• มีอาการเหงือกร่น
• ฟันไม่แข็งแรง สามารถโยกไปมาได้
• มีฝีปริทันต์ มีหนอง บริเวณเหงือก
• มีเลือดออกตามไรฟัน หรือตามเหงือกเวลาแปรงฟัน
ซึ่งหากปล่อยไว้อาการเหล่านี้ก็จะคงอยู่ต่ออย่างเรื้อรัง ไม่หายไปไหน และอาจทำให้เนื้อฟันสึกกร่อนจนเกิดฟันผุ ฟันห่างขึ้น หรือทำให้เหงือกร่นจนมีอาการเจ็บปวดตามเหงือกได้
หากคุณสังเกตตัวเองและรู้สึกว่ามีอาการในเบื้องต้นที่ได้กล่าวไปแล้ว และเริ่มที่จะสนใจอยากทำการเกลารากฟัน อาจจะมีข้อสงสัยว่าแล้วจะเลือกการเกลารากฟันแบบไหนดี ระหว่างเลือกเป็นซี่ๆ หรือทั้งปาก? ซึ่งคำถามนี้ทาง PLUS Dental Clinic ก็มีคำตอบมาให้
ตามปกติแล้วทันตแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยให้ว่าควรเกลารากฟันแบบไหน โดยการเกลาเป็นซี่นั้นจะเกิดเมื่อมี
อย่างที่รู้ไปแล้วว่าการเกลารากฟันมีทั้งแบบที่เกลาทั้งปากและเกลาเฉพาะบางซี่ ซึ่งราคาในแต่ละแบบก็จะแตกต่างกันออกไป
• เกลาทั้งปาก (Full mouth) จะอยู่ที่ 8,000
• เกลาทีละส่วน (Per quadrant) จะอยู่ที่ 2,000 ต่อ 1 ส่วน
• เกลาทีละซี่ (Per tooth) จะอยู่ที่ 400 ต่อซี่
โดยการแบ่งส่วนจะทำการแบ่งตรงกลางระหว่างฟันหน้าไปจนถึงฟันกราม ฝั่งซ้าย-ขวา บน-ล่าง จะร่วมกันได้ 4 ส่วนในปากของเรา
มาถึงขั้นตอนที่หลายคนอยากรู้ว่าการเกลารากฟันจะมีวิธีการอย่างไรบ้าง ซึ่งในเบื้องต้นทางทันตแพทย์จะดำเนินการตามนี้
1.ในขั้นตอนแรกทันตแพทย์จะเริ่มจากการขูดหินปูนที่บนตัวฟันและขอบเหงือกออกให้หมดก่อน เพื่อทำความสะอาดก่อนการเกลาฟัน
2.ในบางกรณีจะมีการฉีดยาชาเพื่อระงับหรือบรรเทาอาการเจ็บปวดให้คนไข้
3.หลังจากนั้นจะเริ่มการเกลารากฟัน เพื่อกำจัดหินปูนที่อยู่ใต้เหงือก โดยในบางกรณีอาจจะต้องมีการเปิดลงลึก ทำให้ต้องมีการเย็บเหงือกหลังรักษาเสร็จ ซึ่งขั้นตอนนี้จะไม่มีความเจ็บ เพราะว่ามีการฉีดยาชาก่อนเสมอ
4.เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะมีการนัดพบกับทันตแพทย์ เพื่อดูว่าเหงือกมีการสมานดีหรือไม่ รวมทั้งติดตามอาการต่างๆ
ใครที่ยังสงสัยและไม่มั่นใจว่าการเกลารากฟันนั้นช่วยอะไร และข้อดีของการเกลารากฟันนั้นมีอะไรบ้าง ในหัวข้อนี้จะมาเปิดข้อดีและประโยชน์ที่คุณจะได้รับหลังเกลารากฟัน
การสะสมของจุลินทรีย์ที่อยู่ใต้เหงือกทำให้มีปัญหากลิ่นปาก ซึ่งการเกลารากฟันจะช่วยลดปัญหาส่วนนี้ได้ ทำให้คุณสามารถพูดและยิ้มได้อย่างมั่นใจได้
หากตามซอกฟันมีหินปูนเกาะเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้ฟันเกิดความสึกกร่อน หรือเกิดการผุได้ และยังทำให้เหงือกห่างจากฟัน หรือเหงือกไม่แข็งแรง ทำให้รากฟันไม่แข็งแรงและเกิดอาการโยกไปมาได้ เมื่อกำจัดหินปูนที่ซ่อนลึกอยู่ในเหงือกออก ฟันก็จะมีฐานยึดกับเหงือกได้ดีขึ้น ทำให้ฟันแข็งแรง
หินปูนเป็นที่สะสมของแบคทีเรียสามารถก่อให้เกิดอาการเหงือกอักเสบได้ และสิ่งสกปรกหรือหินปูนที่อยู่ลึกใต้เหงือกนั้นอาจจะไปเบียดกับเหงือก ทำให้เหงือกไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ดังนั้น การเกลารากฟันจึงช่วยให้เหงือกมีสุขภาพดีขึ้น
โรคปริทันต์คือ การอักเสบของอวัยวะรอบๆ ฟัน เช่น เหงือกหรือเอ็น ซึ่งหากปล่อยให้โรคปริทันต์เกิดขึ้นนั้นอาจจะทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างมาก เพราะอวัยวะเหล่านั้นถูกทำลายอย่างช้าๆ จนสุดท้ายอาจจะต้องสูญเสียฟันไป นั่นหมายความว่าการวิธีการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้คือ การเกลารากฟัน เพราะจะเป็นการทำความสะอาดล้ำลึกไปยังรากฟัน ส่งผลให้เหงือกแข็งแรง
สุขภาพช่องปากที่ดีก็จะนำมาซึ่งสุขภาพอื่นๆ ที่ดีตามไปด้วย เช่น เมื่อฟันและเหงือกมีสุขภาพดีก็สามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ นอกจากนี้ยังส่งผลถึงความมั่นใจอีกด้วย ทำให้คุณกล้ายิ้ม กล้าพูดได้อย่างไม่ต้องกังวล
หลังจากการเกลารากฟันแล้วอาจจะมีอาการต่างๆ ตามมาบ้าง เช่น
• อาจมีการเสียวฟัน อาการนี้อาจจะพบ และหายไปเองภายในหนึ่งสัปดาห์ ถ้ามีอาการเสียวฟันมาก อาจใช้ยาสีฟันลดการเสียวฟันช่วยได้ และพยายามเลี่ยงยาสีฟันกลุ่ม Whitening เพราะจะทำให้อาการเสียวฟันเพิ่มมากขึ้น
• หากคนไข้เป็นโรคปริทันต์ เมื่อเกลาฟันไปแล้วจะเกิดฟันโยกมากขึ้น แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไปเพราะหลังจากนั้นฟันจะค่อยๆ แน่น ที่เป็นเช่นนั้นเพราะว่าต้องมีการจัดการเหงือกบางส่วนออก เพื่อกระตุ้นให้เหงือกที่กำลังจะเติบโตใหม่ติดกับฟันใหม่
• สำหรับคนไข้ที่เหงือกร่นจะรู้สึกว่ามีช่องระหว่างฟันมากขึ้น ซึ่งแต่เดิมพื้นที่นี้เคยมีเหงือกอยู่ แต่ถูกหินปูนทำให้เหงือกร่นไป สามารถปล่อยไว้ให้เหงือกโตมาเติมเต็มได้ หรือหากมีช่องว่างมากสามารถปรึกษาทันตแพทย์ต่อเนื่องได้
• ในคนไข้ที่เกลารากฟันจากโรคปริทันต์อักเสบ อาจจะมีเลือดซึมในวันแรกๆ ให้กัดผ้าก๊อซและบ้วนน้ำเกลือ เพื่อทำความสะอาดลดการติดเชื้อ
คำถามต่อไปนี้ก็จะเป็นคำถามที่ถูกสงสัยและถามบ่อยเกี่ยวกับการคราวรากฟัน ได้แก่
ระหว่างการเกลาสามารถควบคุมความเจ็บได้ด้วยการฉีดยาชา หลังจากนั้นอาจมีการเจ็บขึ้นอยู่กับสุขภาพเหงือกของแต่ละคน สามารถทานยาแก้ปวดได้
การเกลารากฟันไม่สามารถหักประกันสังคมได้ เพราะว่าเป็นคนละหัตถการกับการขูดหินปูน
หลังจากการเกลารากฟันใหม่ๆ อาจจะมีอาการข้างเคียง เช่น
• ฟันโยก
• เสียวฟัน
• เลือดซึม
• มีช่องว่างระหว่างฟัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟันก็จะค่อยๆ แน่นขึ้น เพราะเหงือกมาเติมเต็มเหงือกและหินปูนเดิม เมื่อผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนก็จะเป็นปกติ
การขูดหินปูนเป็นการกำจัดหินปูนบริเวณตัวฟันและขอบเหงือก ในขณะที่การเกลารากฟันจะเป็นการขจัดหินปูนใต้เหงือก ซึ่งจะทำความสะอาดหินปูนได้ลึกกว่าและละเอียดกว่า สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องหินปูนทำทั้งคู่ก็จะยิ่งดี
สามารถกินอาหารได้ตามปกติ แต่ควรเน้นอาหารอ่อนๆ ไม่ร้อน หรือรสจัด เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกอักเสบ หรือเกิดอาการบวม