เหงือกนั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในการพยุงฟันทุกซี่ และช่วยยึดเกาะกับขากรรไกร ซึ่งเป็นตัวช่วยในการบดเคี้ยวอาหาร ดังนั้น เมื่อเหงือกเกิดปัญหาขึ้นมาก็ควรรีบแก้ไข เพื่อสุขภาพของช่องปาก และเสริมความมั่นใจเวลาพบเจอผู้คน ซึ่งในบทความนี้จะมาพูดถึงภาวะเหงือกร่น เกิดจากอะไร และมีผลกระทบอะไรบ้าง
ส่องสาเหตุ เหงือกร่นเกิดจากอะไร
เหงือกร่น คือ การที่เนื้อเยื่อของเหงือกถูกกดลงมา ร่นออกมาจากฟันจนเห็นถึงรากฟันที่อยู่ข้างใต้ สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันที่รุนแรง การสูบบุหรี่ หรือแม้กระทั่งจากพันธุกรรม โดยภาวะเหงือกร่นจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟันกับเหงือก ทำให้แบคทีเรียเข้าไปสะสมถึงรากฟันได้ และทำให้ฟันผุได้ง่าย อาจนำมาสู่การสูญเสียฟันได้ในที่สุด และหากไม่ได้รับการรักษาภาวะเหงือกร่นจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร่างกายอื่นๆ ที่ร้ายแรงกว่าได้ หากสังเกตว่าตัวเองมีแนวโน้มที่จะเป็นภาวะเหงือกร่น ให้ทำการพบทันตแพทย์ทันที โดยทันตแพทย์อาจจะแนะนำให้ทำการรักษาตามความเหมาะสมต่างๆ เป็นกรณีไป
โดยเหงือกร่นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่พฤติกรรมการดูแลช่องปากได้ไม่ดี หรือจากพันธุกรรมพ่อแม่ที่มีภาวะเหงือกร่น ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นเหงือกร่นได้มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการนอนกัดฟัน โดยสาเหตุหลักๆ จะมีดังนี้
เสื่อมตามอายุ
โดยส่วนใหญ่อาการเหงือกร่นจะเกิดขึ้นในบุคคลที่มีอายุค่อนข้างมากแล้ว เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายก็จะเสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา แม้ว่าจะทำการดูแลดีมากแค่ไหน เมื่อถึงเวลาฟันก็จะเสื่อมสภาพตามอายุเหงือกจะอ่อนแอลง ภาวะเหงือกร่นจึงเกิดขึ้นได้ง่ายในผู้สูงอายุ
การแปรงฟัน
การแปรงฟันที่แรงเกินไปอาจทำให้สารเคลือบฟันสึกหรอ และทำให้เกิดภาวะเหงือกร่นได้ เพราะความที่ใช้แรงเยอะจนสามารถสร้างรอยกดที่เหงือกได้ และเมื่อทำบ่อยๆ เหงือกก็จะร่นลงไปเรื่อยๆ จนเกิดเป็นเหงือกร่นขึ้นมา หรืออาจเกิดจากการแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธีเลยทำให้ทำความสะอาดไม่มีประสิทธิภาพ เศษอาหารติดตามซอกฟันเกิดการสะสมของแบคทีเรียจนทำให้เกิดคราบหินปูน และทำให้เหงือกอ่อนแอลงจนเกินภาวะเหงือกร่นได้
การสะสมของคราบหินปูน
คราบหินปูนจะเกิดขึ้นเมื่อจุลินทรีย์ปล่อยสารที่เป็นกรดออกมา ซึ่งจะทำให้เหงือกอักเสบได้ เมื่อปล่อยไว้นานเข้ากระดูกที่รองรับรากฟันจะค่อยๆ ละลาย สูญเสียเนื้อเยื่อเหงือก จนทำให้เหงือกร่น เพราะเมื่อการสะสมของคราบหินปูนและคราบพลัคที่สะสมอยู่บริเวณขอบเหงือกเป็นเวลานาน ไม่ได้รับการทำความสะอาด และรักษาจะทำให้เหงือกอ่อนแอลง ง่ายต่อการอักเสบ
อาการของเหงือกร่นที่พบได้บ่อย
หากเป็นช่วงเริ่มแรกของภาวะเหงือกร่นจะสังเกตได้ค่อนข้างยาก เพราะอาการนี้จะค่อยๆ เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นส่วนใหญ่อาจจะสังเกตและรู้ตัวได้เมื่อตอนที่เป็นมากขึ้นแล้ว โดยการสังเกตเห็นได้จากเนื้อเหงือกที่ร่นลงไปจนเห็นโคนฟัน แต่สามารถสังเกตอาการร่วมอื่นๆ ได้อีก ดังนี้
- ปวดหรือรู้สึกไม่ค่อยดีบริเวณแนวเหงือก
- มีอาการเสียวฟันเพิ่มมากขึ้น และมีสัมผัสไวต่อความเย็น และความร้อน
- เห็นรากฟันได้ชัดกว่าปกติ
- เหงือกแดง เหงือกบวม เหงือกหดตัว
- มีเลือดออกหลังจากแปรงฟันเสร็จ
- มีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์
- ฟันโยก
- ลักษณะฟันดูยาวกว่าปกติ และเหงือกสั้นลง
หากสังเกตเห็นถึงอาการเหล่านี้ ให้รีบทำการปรึกษากับทันตแพทย์ เพราะถ้าพบปัญหาได้เร็ว ก็จะสามารถทำการรักษาเหงือกร่นได้ทัน เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี แต่หากไม่ได้รับการรักษา ภาวะเหงือกร่นอาจเข้าไปทำลายสุขภาพช่องปากได้ แม้ว่าจะไม่มีอาการปวด หรืออาการเสียวฟันแต่ควรพบทันตแพทย์เป็นประจำ ทันตแพทย์จะสามารถบอกถึงปัญหาได้ว่าร้ายแรงแค่ไหน และวินิจฉัยว่าเหงือกร่นควรรักษาแบบไหนเพื่อที่จะดำเนินการป้องกันการเกิดเหงือกร่นในอนาคตด้วย
เหงือกร่นรักษาได้ด้วยวิธีใดบ้าง
เหงือกร่นรักษาได้หลายวิธี ซึ่งในการรักษาเหงือกร่นขึ้นอยู่กับสาเหตุที่เหงือกร่นด้วย เช่น ในกรณีเหงือกร่นไม่รุนแรงมากนัก สามารถรักษาอาการให้ดีขึ้นได้โดยไม่ต้องทำการผ่าตัด โดยทันตแพทย์อาจบอกวิธีป้องกัน หรือวิธีรักษาอาการเหงือกร่นด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะแทน แต่ส่วนใหญ่จะทำการผ่าตัดเพื่อการรักษาได้อย่างเต็มที่ ทันตแพทย์จะทำการวินิจฉัยจากปริมาณการร่นของเหงือกบนฟันแต่ละซี่โดยใช้เครื่องมือทางทันตกรรม และในปัจจุบันก็มีรักษาเหงือกร่นที่ช่วยลดอาการเหงือกร่นไม่ให้รุนแรงมากขึ้นได้มากมาย ดังนี้
ใช้สารลดความรู้สึกไว
ใช้สารลดความรู้สึกไว เพื่อลดความไวของรากฟันที่โผล่ออกมานอกเหงือกจากการที่เหงือกร่น ซึ่งการใช้สารลดความรู้สึกไวจะช่วยรักษาอาการของเส้นประสาท และช่วยรักษาสุขอนามัยในช่องปาก โดยการแปรงฟันจะง่ายขึ้นสำหรับฟันที่ไวต่อความรู้สึก ในปัจจุบันจะมียาสีฟันสำหรับรักษาอาการเหงือกร่นอยู่ ซึ่งเป็นการใช้สารลดความรู้สึกไวของเนื้อฟันที่อยู่ในรูปแบบทั้งยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก และส่วนผสมก็จะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละผลิตภัณฑ์ ซึ่งวิธีการรักษานี้จะเหมาะกับผู้ที่มีอาการเสียวฟัน
เคลือบฟันด้วยวัสดุคอมโพสิต
ทันตแพทย์จะใช้เรซินคอมโพสิตที่สีเหมือนฟันเพื่อปกปิดพื้นผิวของราก และปิดช่องว่างระหว่างฟัน หรือการใช้คอมโพสิตสีชมพู ซึ่งเป็นวัสดุสีชมพูเหมือนกับเหงือก ทันตแพทย์สามารถใช้อุดช่องว่างที่เหงือกร่นลงไปได้ การรักษานี้จะเหมาะกับมีอาการเหงือกร่นที่ร่นไปมากจนเกิดช่องระหว่างเหงือกและฟันที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียและป้องกันไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
ทำวีเนียร์
การทำวีเนียร์ จะช่วยลดช่องว่างระหว่างเหงือกและฟัน การทำวีเนียร์จะต้องอาศัยทันตแพทย์ เพราะจะต้องติดขอบของแผ่นแปะให้แนบกับขอบฟันจริงๆ ซึ่งนอกจากการทำวีเนียร์จะช่วยแก้ไขเหงือกร่นแล้วยังช่วยในเรื่องความสวยงามและดูเป็นธรรมชาติคล้ายของเดิมมากที่สุด ทำให้ยิ้มได้อย่างมั่นใจ เหมาะกับผู้ที่ต้องพบเจอผู้คนบ่อยๆ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจ
จัดฟัน
ในบางกรณีผู้ที่มีปัญหาเหงือกร่นอาจเกิดจากการเรียงตัวของฟันที่ผิดปกติ เพราะหากฟันโก่ง ฟันเอียง การสบฟันที่ไม่ตรงกันอาจสร้างแรงเสียดทานที่มากเกินไป จนทำให้เป็นเหงือกร่นได้ เพราะฉะนั้นการใช้เครื่องมือจัดฟันจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะเมื่อฟันอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เมื่อเวลาผ่านไปขอบเหงือกจะสามารถแก้ไขอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้เอง
การซ่อมแซมกระดูก
ในกรณีที่อาการเหงือกร่นส่งผลต่อกระดูกที่รองรับฟันจนทำให้เกิดความเสียหาย การซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อจะช่วยไม่ให้ฟันได้รับความเสียหายมากเกินไปได้ โดยทันตแพทย์จะทำการใช้เนื้อเยื่อเหงือกจากเยื่อบุผิวเหงือก หรือเนื้อเยื่อที่เพาะเลี้ยงภายนอกมาใช้ในการรักษา แล้วปล่อยให้ร่างกายดำเนินการซ่อมแซมกระดูกและเนื้อเยื่อ เมื่อเวลาผ่านไปการรักษาประสบผลสำเร็จ เนื้อเยื่อเหงือกจะค่อยๆ ขึ้นมาปิดรากเหงือกได้เหมือนของเดิมมากที่สุด
ผ่าตัดเพื่อปลูกถ่ายเนื้อเยื่อ
การผ่าตัดปลูกถ่ายเหงือกเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ผู้ที่เป็นเหงือกร่นเลือกทำกัน หากอยู่ในความรุนแรงปานกลางทันตแพทย์จะแนะนำให้ทำการปลูกถ่ายเหงือก เพื่อทดแทนเนื้อเยื่อส่วนที่เสียไป ด้วยการเอาเนื้อเยื่อจำนวนเล็กน้อย โดยอาจจะได้มาจากเนื้อเพดานปากของผู้ที่ทำการรักษา หรือได้เนื้อเยื่อมาจากผู้บริจาคที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว จึงนำเอามาปลูกในบริเวณที่ต้องการ ซึ่งวิธีนี้อาจไม่ได้ทำให้เหงือกกลับมาสู่สภาพสมบูรณ์มากนัก แต่จะช่วยปิดช่องว่างที่รากฟันโผล่ออกมา เพื่อให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อหรืออักเสบได้
เกลารากฟันและทำการผ่าตัด
เป็นการทำความสะอาดฟันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการเกลารากฟันเป็นการทำความสะอาดระดับลึก ซึ่งสามารถทำได้ภายใต้การดมยาสลบ เพื่อทำการขจัดแบคทีเรียที่เป็นอันตรายข้างใต้เส้นเหงือก และช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียออกจากช่องว่างระหว่างเหงือกและฟัน แถมยังช่วยลดการติดเชื้อได้อีกด้วย ซึ่งทันตแพทย์อาจใช้ยาปฏิชีวนะเข้าไปใต้เหงือกโดยตรงเพื่อช่วยในการรักษาโรคเหงือก
สำหรับการผ่าตัดนั้นจะมีระยะเวลาในการพักฟื้นที่ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ และจำนวนฟันที่ได้ทำการรักษา ซึ่งโดยปกติการผ่าตัดเหงือกร่นจะสามารถรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้ภายใน 2 สัปดาห์ และทันตแพทย์จะให้คำแนะนำหลังการผ่าตัดโดยละเอียด และควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพื่อการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
เปิดค่ารักษาเหงือกร่นราคาเท่าไร
เมื่อทำทันตกรรมจะต้องอาศัยทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ ที่สามารถรักษาได้อย่างถูกต้อง และแม่นยำ ทันตกรรมที่เข้าใช้บริการ ก็ต้องเลือกวัสดุอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน ซึ่งทางคลินิกทันตกรรม PLUS Dental Clinic นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นคลินิกที่มีคุณภาพและได้มาตรฐานสาธารณสุข สามารถให้คำแนะนำได้ก่อนเข้าใช้บริการ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาในการรักษาในกรณีต่างๆ หรือผู้ใดที่สงสัยในเรื่องของการรักษาเหงือกร่นราคาเท่าไหร่ ซึ่งสามารถตรวจสอบค่ารักษาและบริการได้คร่าวๆ ดังนี้
- การทำวีเนียร์ เริ่มต้น 4,000 บาท/ซี่
- จัดฟันโลหะ เริ่มต้น 1,000 บาท/เดือน
- เกลารากฟัน เริ่มต้น 400 บาท/ซี่
- การปลูกเหงือก เริ่มต้น 6,000 บาท/ซี่
วิธีป้องกันเหงือกร่นก่อน สายเกินแก้
การทราบข้อมูลเกี่ยวกับภาวะเหงือกร่นจะช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะเหงือกร่นได้ เพราะจะทำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพช่องปากได้ หากเกิดจากพันธุกรรม อาจจะไม่สามารถป้องกันได้เสมอไป แต่สามารถลดความเสี่ยงที่มาจากการติดเชื้อได้ โดยการฝึกนิสัยการดูแลช่องปากที่ถูกต้อง ซึ่งนับว่าเป็นการรักษาเหงือกร่นด้วยตัวเองได้ดังนี้
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และคอยเปลี่ยนแปรงอย่างน้อยทุกๆ 2-3 เดือน และใช้แปรงที่มีลักษณะที่อ่อนนุ่มเพราะหากใช้ขนแปรงที่แข็ง อาจจะยิ่งทำร้ายเหงือกได้ และต้องระวังอย่าแปรงฟันแรงเกินไป
- ใช้ไหมขัดฟันทุกๆ วัน เพื่อทำความสะอาดซอกฟัน และขจัดเศษอาหารออกไป
- เปลี่ยนพฤติกรรมที่อาจจะเป็นต้นเหตุทำให้เกิดเหงือกร่น เช่น การสูบบุหรี่ หรือหากเป็นผู้ที่นอนกัดฟันทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้เฝือกสบฟัน หรือฟันยาง เพื่อป้องกันการกระทบกันของฟันจากการนอนกัดฟัน
- สามารถนวดเหงือกเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้
- รับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยบำรุงเหงือกและฟัน เช่น อาหารที่มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินดี
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำลาย
- เข้าพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน เพื่อทำความสะอาดและตรวจเช็กปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับฟันที่อาจเกิดขึ้นได้
เห็นไดัชัดว่าการดูแลช่องปากนั้นมีความสำคัญมาก เพราะสุขภาพช่องปากจะเป็นตัวบ่งบอกสุขภาพร่างกายโดยรวมได้เป็นอย่างดี
เหงือกเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญในการปกป้องฟันให้มีความมั่นคง หากเกิดปัญหาเหงือกร่น แบคทีเรียจะสามารถเข้าไปได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ฟันผุ และอาจสูญเสียรากฟันได้ง่าย เมื่อเหงือกร่นแล้วจะไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้ จำเป็นต้องทำการรักษา ซึ่งอาการเหงือกร่นรักษาได้ด้วยหลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วย