ในทุกๆ วันที่ทุกคนลุกขึ้นจากที่นอน อาบน้ำ ออกไปข้างนอก จนกระทั่งกลับมาที่บ้านนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะต้องใช้ฟันไปกับการทานอาหารในระหว่างวัน ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยว กัด หรือแทะ ไม่เพียงเท่านั้น นอกจากจะต้องใช้ฟันและอวัยวะอื่นๆ ในช่องปากไปกับการรับประทานอาหารแล้ว ก็ยังจะต้องสื่อสารกับผู้อื่นด้วยการพูดอีกด้วย จึงเป็นเหตุให้การดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน เป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนห้ามละเลยอย่างเด็ดขาด

สุขภาพช่องปาก และฟันที่สะอาด จะทำให้สุขภาพช่องปากของทุกคนเป็นไปในทางที่ดีและไม่มีกลิ่นปาก ซึ่งขั้นตอนการแปรงฟัน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำไปสู่สุขภาพช่องปากที่แข็งแรง นอกจากนั้นยังช่วยป้องกันฟันผุ และแบคทีเรียสะสมอีกด้วย โดยวิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง ที่ทุกคนสามารถทำตามได้แบบง่ายๆ จะมีขั้นตอนอะไรบ้าง และจะยากหรือไม่ ไปดูกันเลย! 

5 ขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกวิธี

5 ขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกวิธี

ส่วนใหญ่ทุกคนจะมีฟันทั้งหมด 32 ซี่ สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ ฟันกราม 12 ซี่ ฟันกรามน้อย 8 ซี่ ฟันเขี้ยว 4 ซี่ และฟันตัด 8 ซี่ ซึ่งการจะทำความสะอาดฟันทุกซี่ให้สะอาดและแข็งแรงนั้นจะต้องอาศัยการแปรงฟันที่ถูกวิธี โดย ขั้นตอนการแปรงฟันที่จะช่วยให้การดูแลและรักษาฟันของทุกคนมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั้น มีดังนี้

1. แปรงฟันด้านนอก

1. แปรงฟันด้านนอก

วิธีแปรงฟันที่ถูกต้องนั้นจะเริ่มจากการแปรงฟันด้านนอก โดยเริ่มจากการวางขนแปรงไว้ที่ประมาณ 45 องศา และปลายขนแปรงจะต้องอยู่บริเวณขอบเหงือก หลังจากนั้นค่อยๆ ขยับขนแปรงไปในแนวหน้า-หลังเป็นระยะสั้นๆ เมื่อขยับขนแปรงแนวหน้า-หลังเรียบร้อยแล้ว ค่อยๆ ปัดขนแปรงลงในฟันบน และปัดขนแปรงขึ้นในฟันล่าง โดยในแต่ละตำแหน่งควรแปรงประมาณ 10-15 ครั้ง

2. แปรงฟันด้านใน

2. แปรงฟันด้านใน

วิธีการแปรงฟันในขั้นตอนต่อไป คือ การแปรงฟันด้านใน เป็นส่วนที่จะต้องทำความสะอาดต่อจากการแปรงฟันด้านนอก โดยเริ่มจากการวางปลายขนแปรงไว้บริเวณขอบเหงือกเช่นเดียวกับขั้นตอนการแปรงฟันด้านนอก หลังจากนั้นค่อยๆ แปรงไปตามซี่ฟันทั้งด้านหน้า และด้านหลัง รวมถึงร่องฟัน และจุดที่เข้าถึงยาก เพื่อกำจัดเศษอาหาร และคราบต่างๆ ที่อาจหลงเหลือตามจุดต่างๆ ออกไปให้หมด

3. แปรงฟันด้านบดเคี้ยว

3. แปรงฟันด้านบดเคี้ยว

วิธีแปรงฟันสำหรับฟันด้านบดเคี้ยวนั้นจะต้องเริ่มจากการตั้งขนแปรงหันเข้าหาฟันด้านบดเคี้ยว หลังจากนั้นให้ถูไปมาในแนวหน้า-หลังเป็นระยะสั้นๆ ประมาณครึ่งซี่ฟัน แล้วค่อยๆ ถูขึ้นไปด้านบน และลงมาด้านล่าง ด้วยความแรงพอประมาณจนฟันสะอาด เพราะถ้าหากแปรงฟันด้านบดเคี้ยวไม่สะอาด อาจส่งผลให้เศษอาหารสะสม และเกิดฟันผุได้

4. แปรงฟันหน้าด้านใน

4. แปรงฟันหน้าด้านใน

นอกจากการแปรงฟันด้านนอก ด้านใน และด้านบดเคี้ยวแล้ว การแปรงฟันหน้าด้านในก็สำคัญเช่นกัน เพราะว่าฟันหน้าด้านในนั้นถือว่าเป็นจุดสะสมของแบคทีเรีย และคราบต่างๆ ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์ โดยขั้นตอนการแปรงฟันหน้าด้านในที่ถูกต้อง คือ การวางแปรงไว้ในแนวตั้ง หลังจากนั้นใช้ปลายของแปรงขัดเบาๆ ไปที่ฟันด้านหลัง ทั้งฟันด้านบน และด้านล่าง โดยค่อยๆ กดแปรงลงไปเบาๆ ให้ครบทุกซี่จนมั่นใจว่าฟันทุกซี่นั้นสะอาดดีแล้ว

5. แปรงลิ้น

5. แปรงลิ้น

ขั้นตอนสุดท้ายของขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกต้อง คือ การแปรงลิ้น ถึงแม้ว่าการแปรงฟันนั้นจะทำให้ฟันของสะอาด แต่ก็ยังคงมีแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่บนลิ้น ซึ่งลิ้นนั้นถือว่าเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย และยังเป็นอีกสาเหตุของกลิ่นปากไม่พึงประสงค์อีกด้วย โดยวิธีการแปรงลิ้นนั้นให้เลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม หรือไม่แข็งจนเกินไป หลังจากนั้นแลบลิ้นออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และวางแปรงลงบนลิ้น พร้อมกับปัดแปรงเบาๆ ให้ทั่วถึง และจุดต่างๆ ให้สะอาด และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาด เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่ลิ้นออกไปให้หมด

ตัวช่วยเสริมในขั้นตอนการแปรงฟัน

นอกจากวิธีแปรงฟันที่ถูกต้องจะช่วยให้ช่องปาก และฟันสะอาดแล้ว แต่การใช้ตัวช่วยเสริม อย่างเช่น น้ำยาบ้วนปาก หรือไหมขัดฟัน จะช่วยเสริมประสิทธิภาพในการทำความสะอาดให้กับช่องปากมากยิ่งขึ้น แถมยังมีวิธีการใช้งานที่สะดวกสบาย จึงทำให้ตัวช่วยเหล่านี้เป็นที่นิยม และมักจะใช้ควบคู่ไปกับการแปรงฟัน โดยตัวช่วยเสริมในขั้นตอนการแปรงฟันมีทั้งหมด ดังนี้

น้ำยาบ้วนปาก

การใช้น้ำยาบ้วนปาก เป็นวิธีที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรียได้ดี เนื่องจากมีสารช่วยลดคราบสกปรก ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก โดยวิธีการเลือกน้ำยาบ้วนปากนั้นสามารถเลือกได้ด้วยการดูที่ฉลากของผลิตภัณฑ์ว่ามีส่วนประกอบอะไรบ้าง และควรมีส่วนประกอบของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เพราะว่าเป็นส่วนประกอบที่ไม่มีผลข้างเคียง และช่วยให้ปากหอมสดชื่นมากขึ้น เพียงแค่ใช้น้ำยากลั้วปากแล้วอมทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีก็เป็นอันเสร็จสิ้น

ไหมขัดฟัน

เข้าไปติดซอกฟันในจุดที่ไม่สามารถแปรงไปได้ถึง การใช้ไหมขัดฟันก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีที่จะช่วยขจัดคราบ และเศษอาหารต่างๆ ที่ติดตามซอกฟันได้ดียิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้ หรือเพิ่งเริ่มต้นใช้ไหมขัดฟันนั้นสามารถเลือกใช้ไหมขัดฟันแบบเคลือบขี้ผึ้งได้ เพราะจะช่วยให้การขัดง่ายขึ้น โดยขั้นตอนใช้นั้นสามารถทำได้ง่าย เพียงแค่จับไหมขัดฟันไว้โดยให้เหลือช่องว่างสำหรับนิ้วโป้ง หรือนิ้วชี้ประมาณ 1 เซนติเมตร หลังจากนั้นจับไหมขัดฟันให้แน่น และสอดเข้าไปตามช่องว่างระหว่างฟัน พร้อมกับขัดในแนวขึ้นและลงด้วยแรงขัดเบาๆ จนครบทุกซี่

สิ่งที่ควรทำ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

สิ่งที่ควรทำ เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดี

นอกจากขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกต้องและการใช้ตัวช่วยเสริม เพื่อดูแลสุขภาพปากช่องปากและฟันให้ดีแล้ว ยังมีวิธีปฏิบัติอื่นๆ เพิ่มเติมซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่ถ้าปฏิบัติตามนั้น ก็จะเป็นตัวช่วยส่งเสริมให้ฟันและช่องปากมีสุขภาพที่ดีและสะอาดได้มากยิ่งขึ้น

เลือกใช้แปรงที่ได้มาตรฐาน

แปรงสีฟันถือเป็นอุปกรณ์หลักที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนการแปรงฟัน แต่ถ้าเลือกแปรงที่ไม่มีคุณภาพก็อาจสร้างผลเสียต่อเหงือกและฟันได้ หากต้องการเลือกแปรงที่ดี มีมาตรฐานนั้น ข้อแรกที่ต้องพิจารณาคือ ขนแปรงที่ต้องมีความอ่อนนุ่ม และขนาดของแปรงควรไม่ใหญ่จนเกินไป มีด้านจับที่ถนัดมือ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการแปรงฟัน และที่สำคัญ คือ ทุกคนจะต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้แปรงดูใหม่ มีคุณภาพดี และมีประสิทธิภาพในการใช้งานมากที่สุด

เลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์

การเลือกใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดแบคทีเรีย และคราบต่างๆ ที่สะสมอยู่ ดังนั้น จึงควรเลือกใช้ยาสีฟันที่มีสารฟลูออไรด์ที่มาจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ ซึ่งสามารถช่วยป้องกันฟันผุ และเสริมให้ฟันแข็งแรงได้ดียิ่งขึ้น

แปรงฟันอย่างน้อย 2 นาที

เทคนิคที่สำคัญในขั้นตอนการแปรงฟัน คือ การแปรงฟันแต่ละจุดอย่างน้อย 2 นาที เพราะในบางครั้งทุกคนอาจแปรงฟันไม่ทั่วถึง หรือแปรงไม่ถึงจุดที่มีคราบ หรือเศษอาหารสะสม ซึ่งการใช้เทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้ฟันสะอาดมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การแปรงบริเวณฟันกรามบน 2 นาที หลังจากนั้นค่อยมาแปรงบริเวณฟันกรามล่างต่ออีก 2 นาที เป็นต้น

ขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน

การพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสภาพฟันอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เป็นอีกสิ่งที่ทุกคนควรทำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยให้ทุกคนมั่นใจได้ว่าสุขภาพฟันของตัวเองนั้นแข็งแรง รวมไปถึงการตรวจดูคราบหินปูนที่เป็นแบคทีเรียที่เกาะตามฟัน ถ้าหากไม่ขูดหินปูน หรือปล่อยทิ้งไว้จนสะสมเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดฟัน ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบได้ ดังนั้น จึงควรขูดหินปูนทุกๆ 6 เดือน และไม่ควรทำการขูดหินปูนด้วยตัวเอง

วิธีที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้สุขภาพฟันดี แข็งแรง และไม่มีกลิ่นปาก คือ การแปรงฟันตามขั้นตอนการแปรงฟันที่ถูกวิธี เพราะการทำความสะอาดช่องปากให้ไม่มีเศษอาหาร หรือคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับฟัน จะช่วยป้องกันไม่ให้ฟันนั้นมีคราบเหลือง มีกลิ่นปาก หรือฟันผุตามมาได้ ดังนั้น ทุกคนจึงควรแปรงฟันให้ถูกต้อง พร้อมกับใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ น้ำยาบ้วนปาก และไหมขัดฟัน เพื่อช่วยให้ไม่มีเศษอาหารติดค้าง ปากสะอาด และมีกลิ่นลมหายใจสดชื่น