การจัดฟันเป็นวิธีการแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟัน และการสบฟัน เพื่อให้ใช้ฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บางครั้งหลังจากจัดฟันไปแล้วในรอบแรกอาจได้ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพึงพอใจ หรือบางครั้งสุขภาพฟันยังมีปัญหา จึงทำให้ต้องมีการจัดฟันรอบสอง บทความนี้จึงได้รวบรวม 6 พฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้ต้องจัดฟันรอบสอง พร้อมวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากหลังจัดฟัน รวมทั้งจะมาเฉลยว่าหากต้องการจัดฟันรอบที่สองจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร เอาเป็นว่าถ้าใครพร้อมแล้วก็มาติดตามไปพร้อมๆ กันได้เลย
6 สาเหตุที่ต้องจัดฟันรอบสอง
การต้องจัดฟันรอบสองอาจเกิดได้จากหลายๆ สาเหตุ ทั้งจากสุขภาพช่องปาก อย่างฟันเกิดการเปลี่ยนแปลง ประสบอุบัติเหตุ บ้างก็เกิดจากพฤติกรรมการใช้ฟันที่ไม่ดี ที่จะทำให้การจัดฟันเสียหายเอาได้ โดย 6 พฤติกรรมที่เสี่ยงทำให้ต้องจัดฟันรอบสองเหล่านี้ก็ได้แก่
1. ไม่ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่อง
รู้หรือไม่ว่าทำไมหลังจัดฟันทันตแพทย์จึงแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์? คำตอบก็คือ เนื่องจากหลังจากการจัดฟันเสร็จ ฟันจะยังไม่ติดกับกระดูกโดยรอบหรือยังสามารถเคลื่อนที่ได้นั่นเอง ดังนั้น เมื่อถอดเครื่องมือแล้ว จะต้องใส่รีเทนเนอร์ เพื่อให้ฟันยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมที่ทันตแพทย์วางแผนไว้ หากไม่ใส่รีเทนเนอร์ฟันก็อาจเคลื่อนได้
นอกจากนี้ หากคนไข้ไม่ใส่รีเทนเนอร์หรือเครื่องมือคงสภาพฟันอย่างต่อเนื่อง ก็อาจจะเสี่ยงเกิดฟันล้ม หมดความมั่นใจได้ และอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไข้หลายๆ คนต้องจัดฟันรอบสอง
2. พฤติกรรมการใช้ฟัน
พฤติกรรมการใช้ฟันบางอย่างจะทำให้เกิดแรงกับฟัน ซึ่งบางกรณีก็อาจจะกลายเป็นอันตรายมากจนทำให้ฟันเคลื่อนได้หากทำระหว่างที่ยังจัดฟันอยู่ เช่น การใช้ฟันในการกัดของแข็งอย่าง น้ำแข็ง การใช้ฟันบิดเปิดฝาขวดน้ำ การกินอาหารโดยใช้เพียงฟันหน้าในการบดเคี้ยว การกัดเล็บ การกินของที่เหนียวเกินไป อย่างมันหมากฝรั่ง หรือการนอนกัดฟันระหว่างนอนหลับ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วน ทำให้ฟันที่เพิ่งจัดมาเกิดปัญหาได้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ พฤติกรรมการใช้ฟันที่เป็นการใช้แรงเบาๆ หากทำเป็นเวลานานก็อาจจะทำให้ฟันค่อยๆ เคลื่อนอย่างไม่รู้ตัวได้เช่นกัน
3. เกิดอุบัติเหตุ ที่กระทบต่อช่องปาก
อุบัติเหตุก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายคนต้องเข้ารับการจัดฟันรอบสอง อย่างอุบัติเหตุที่มีการกระแทกบริเวณปากอย่างการล้ม หรือการชนกับอะไรบางอย่างนั้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่อาจทำให้เกิดปัญหาอย่างฟันหลุด หรือปัญหาฟันล้มได้
4. ฟันไม่เข้าที่ในรอบแรก
การจัดฟันรอบแรก ในบางครั้ง ผู้ที่รับการจัดฟันอาจยังไม่พึงพอใจผลลัพธ์มากนัก ซึ่งก็อาจจะเกิดจากเหตุได้หลายแบบ เช่น การไม่ได้ทำการถอนฟันออกในรอบแรก ส่งผลให้ฟันไม่มีพื้นที่ในการเรียงตัว เข้าที่อย่างสวยงาม จึงจำเป็นต้องจัดฟันใหม่
5. ฟันเกิดการเปลี่ยนแปลง
การที่ฟันจะเกิดความเปลี่ยนแปลงนั้น นอกจากปัจจัยภายนอกแล้วยังมีปัจจัยภายในอย่างอายุที่สามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้ด้วย ขากรรไกรและฟันก็สามารถขยายหรือเปลี่ยนรูปร่างไปได้ตามการเติบโต หรือเกิดฟันคุดขึ้นมาเบียด จนทำให้ตำแหน่งของฟันเปลี่ยนแปลงจนนำไปสู่การจัดฟันรอบสอง
6. เกิดปัญหาสุขภาพช่องปาก และโรคเหงือก
หลังจากถอดเครื่องมือจัดฟันแล้ว หากดูแลสุขภาพฟันไม่ดี มีพฤติกรรมเสี่ยงที่ไม่ปลอดภัยกับฟันและเหงือก อย่างการใช้ฟันบิดกัดของแข็ง หรือดูแลสุขภาพช่องปากไม่ดี รักษาความสะอาดไม่เพียงพอ ไม่ถูกสุขลักษณะ ก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาโรคเหงือกและฟันตามมาได้ แถมพฤติกรรมบางอย่างเช่น การใช้ลิ้นดุนฟันหลังจากเพิ่งถอดเครื่องมือจัดฟันใหม่ๆ ยังส่งผลให้ฟันเคลื่อนตัวผิดรูปอีกได้ ซึ่งจำเป็นต้องเข้ารับการจัดฟันรอบสองในภายหลัง
สัญญาณที่บ่งบอกว่าต้องจัดฟันรอบสอง
มีสัญญาณหลายอย่างที่จะช่วยให้เราสังเกตตัวเองว่า อาจจะต้องการจัดฟันรอบสองอีกครั้ง โดยลักษณะเหล่านี้ก็เช่น
- มีอาการฟันล้ม หรือฟันเก
- เกิดช่องว่างระหว่างฟัน
- มีอาการปวดกรามอย่างรุนแรง
- เกิดโรคเหงือก หรืออาการฟันผุที่มีสาเหตุมาจากการเคลื่อนที่ของฟัน
หากพบอาการเหล่านี้ ก็ควรจะรีบหาหมอฟันโดยทันที เพราะหากปล่อยไว้ก็อาจจะยิ่งทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพปากต่อเนื่องไปอีกได้
เตรียมตัวอย่างไร หากต้องจัดฟันรอบสอง
การจัดฟันรอบสองจำเป็นต้องมีการปรึกษาทันตแพทย์เสมอ เพื่อทำการวิเคราะห์และประเมินสภาพฟัน ว่าควรมีแนวทางในการรักษาอย่างไร เพื่อให้ฟันกลับมาเรียงตัวสวยงาม และยิ้มได้อย่างมั่นใจอีกครั้ง โดยขั้นตอนเตรียมตัวคร่าวๆ ก็จะมีดังนี้
ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางด้านจัดฟัน
สิ่งแรกที่ควรทำคือการเข้าปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อตรวจสอบกระดูกและรากฟันว่าสามารถจัดฟันรอบสองได้หรือไม่ ซึ่งในช่วงขั้นตอนนี้ควรจะปรึกษาทุกข้อสงสัยและความเป็นกังวลทุกอย่างกับแพทย์เพื่อการตัดสินใจที่ดีต่อไป
เคลียร์ช่องปาก
หลังจากที่เข้าพบทันตแพทย์ ทำการปรึกษา รับทราบแผน และขั้นตอนการรักษาแล้ว หากคนไข้ตกลงว่าจะทำการจัดฟันอีกครั้ง ทันตแพทย์จะเริ่มขั้นตอนการเคลียร์ช่องปาก เพื่อเตรียมในการจัดฟันรอบสอง เช่น การอุดฟัน, ขูดหินปูน, ผ่าฟันคุด และอื่นๆ ให้เรียบร้อยก่อน
เลือกรูปแบบการจัดฟันรอบสอง
ขั้นตอนสุดท้ายก็คือการเลือกรูปแบบการจัดฟันที่เหมาะกับปัญหา ซึ่งขั้นตอนนี้ก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจความเหมาะสมของทันตแพทย์ด้วย โดยทาง PLUS Dental Clinic ก็จะมีบริการจัดฟันกว่า 5 ประเภท อย่าง การจัดฟันแบบโลหะ ที่นิยมมากที่สุด เพราะค่าใช้จ่ายน้อย จัดฟันแบบดามอนที่เคลื่อนรูปฟันได้อย่างรวดเร็ว จัดฟันแบบเซรามิกสำหรับคนไม่อยากเห็นเหล็กจัดฟันชัดเจน จัดฟันแบบ AOSC ที่จะมียางสองชั้นมาช่วยเร่งความเร็วและจำเป็นต้องใช้สำหรับรูปหน้าบางคน จัดฟันแบบใส (Invisalign) ที่เหมาะกับผู้ใช้รอยยิ้มในการทำงาน
จัดฟันรอบสองราคาเท่าไหร่ ทำที่ไหนดี
จริงๆแล้วการจัดฟันรอบสอง ราคาจะขึ้นอยู่กับฟันของคนไข้ที่ถูกประเมินโดยทันตแพทย์ว่ามีปัญหามากน้อยแค่ไหน สำหรับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะจัดฟันรอบสองรอบสองที่ไหนดี ซึ่ง PLUS Dental Clinic มีโปรโมชั่นแนะนำสำหรับคนไข้จัดฟันรอบสองคือ การจัดฟันโลหะในราคา 900 บาท/เดือน ที่จะช่วยให้จัดฟันได้ความคุ้มค่าอย่างสูงสุด
วิธีดูแลสุขภาพช่องปากหลังจัดฟันเสร็จ
หลังจากเข้ารับการจัดฟันรอบสองเสร็จเรียบร้อย ควรต้องมีการดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับสุขภาพฟัน และช่วยให้ฟันมีสุขภาพที่ดี ซึ่งวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากหลังจัดฟันมีดังนี้
ใส่รีเทนเนอร์ต่อเนื่อง
ในการจัดฟันรอบสอง ทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือ และดึงฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เรียงตัวสวยงาม ซึ่งการดึงฟันจะทำให้ฟันค่อยๆ เกิดการเคลื่อนที่จากตำแหน่งเดิม และจะต้องมาปรับกับทันตแพทย์ตามนัดเรื่อยๆ จนกว่าฟันจะเข้ารูป ซึ่งเมื่อจัดฟันเสร็จ มีการถอดเครื่องมือแล้ว ฟันจะยังคงไม่มั่นคงในทันที แต่จะต้องใช้เวลาในการปรับตัวอีก หลังจากถอดเครื่องมือแล้ว จึงจะต้องใส่รีเทนเนอร์เพื่อช่วยประคองฟัน ไม่ให้เคลื่อนที่จนเสียรูป ดังนั้น หลังจากจัดฟันควรใส่รีเทนเนอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฟันล้มจนต้องจัดฟันใหม่
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่เหนียวและแข็ง
การรับประทานอาหารที่แข็งหรือเหนียวเป็นประจำ เป็นพฤติกรรมที่สามารถทำร้ายสุขภาพฟัน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งถอดเครื่องมือจัดฟันใหม่ที่ฟันยังไม่มั่นคง การกินอาหารแข็ง หรือเหนียวมากๆ หรือกินบ่อยๆ อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อฟัน เนื่องจากอาหารลักษณะดังกล่าวจะทำให้เกิดแรงกระทบกับฟัน และหากเกิดต่อเนื่อง ก็อาจจะทำให้ฟันเคลื่อนไปจากตำแหน่งที่เคยจัดไว้ได้ และในระยะยาวก็สามารถทำให้ฟันสึกหรอจนทำให้เกิดฟันเก ฟันบิ่น ฟันหัก ได้ด้วยดังนั้นสำหรับผู้ที่เพิ่งจัดฟันรอบสอง ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เพื่อลดแรงกระทบที่จะเกิดกับฟันลงจะเป็นผลดีกว่า
ดูแลสุขภาพช่องปากให้ถูกต้อง
การดูแลสุขภาพช่องปาก จะช่วยให้ฟันมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น และลดโอกาสเกิดปัญหาแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นกับปากได้ โดยการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีก็มีหลากหลายวิธี เช่น แปรงฟันให้ถูกวิธี และใช้ไหมขัดฟัน เป็นตัวอย่างของสิ่งที่ควรทำ
นอกจากนี้ เมื่อแปรงฟัน ให้ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ที่จะช่วยทำให้เคลือบฟันแข็งแรงขึ้น ทำให้เคลือบฟันทนทานต่อกรดอันมีต้นตอมาจากแบคทีเรียมากขึ้น รวมถึงช่วยเติมแร่ธาตุ เช่น แคลเซียม ให้กับฟันได้ ซึ่งจะทำให้ฟันแข็งแรงขึ้นและช่วยป้องกันฟันผุ
สิ่งสำคัญอีกอย่างคือต้องแปรงฟันวันละสองครั้งโดยใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ และควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสให้มากขึ้น เช่น นม ไข่ ข้าวกล้อง ซึ่งสารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการเจริญเติบโตของกระดูกและรักษาสุขภาพเหงือกและฟัน
หากมีอาการแพ้ฟลูออไรด์ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฟลูออไรด์ไม่ได้ หรือต้องรักษาโรคเหงือก ให้ใช้ยาสีฟันต้านแบคทีเรีย ซึ่งมีคลอร์เฮกซิดีน ที่มีสรรพคุณต่อต้านเชื้อโรคแทน ซึ่งผลิตภัณฑ์ประเภทนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดคราบพลัคและลดความเสี่ยงต่อโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ ทั้งนี้ ควรปรึกษาและใช้ภายใต้คำแนะนำของทันตแพทย์
นอกจากนี้ ต้องทำความสะอาดซอกฟันโดยใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดเศษอาหารที่ติดอยู่ในจุดที่เข้าถึงยากซึ่งการแปรงฟันไม่สามารถเข้าไปได้ง่าย และควรล้างปากให้สะอาดด้วยน้ำทันทีหลังจากดื่มกาแฟ ชา และแอลกอฮอล์ หรือหลังจากรับประทานอาหารที่มีน้ำตาล เช่น ขนมหวาน เค้ก ไอศกรีม ฯลฯ
ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ
การเข้าพบทันตแพทย์เป็นประจำ หรือเข้าพบทุกๆ 6 เดือนเพื่อตรวจสุขภาพช่องปากจะช่วยให้สุขภาพช่องปากแข็งแรง เนื่องจากเป็นการคอยสังเกตและรับการตรวจสอบอยู่เสมอว่าการดูแลรักษาสุขภาพปากของเรามีประสิทธิภาพหรือไม่ มีปัญหากำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตอันใกล้หรือไม่ และเมื่อเกิดปัญหาก็สามารถรักษาได้ทัน ไม่ปล่อยไว้จนเป็นปัญหาเรื้อรัง หรือเกิดปัญหาอื่นๆ ต่อเนื่องตามมา
การจัดฟันรอบสองนั้นเกิดได้จากสาเหตุหลายๆ ประการ เช่น การจัดฟันรอบแรก ผลลัพธ์ไม่ดี ฟันล้ม หรือฟันเก จนต้องจัดฟันใหม่ ซึ่งการจัดฟันรอบสองต้องปรึกษาทันตแพทย์ก่อน เพื่อทำการวินิจฉัยว่าสามารถทำได้หรือไม่ หรือควรใช้วิธีการรักษารูปแบบอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งหลังจากจัดฟันใหม่เสร็จเรียบร้อย ถอดเครื่องมีแล้ว ควรต้องหันมาดูแลสุขภาพช่องปากให้ดี แปรงฟันอย่างถูกวิธี ตรวจสุขภาพช่องปากเป็นประจำ และที่สำคัญต้องใส่รีเทนเนอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการรักษารูปฟันที่จัดแล้วให้ดี ลดโอกาสเกิดปัญหาจนต้องมามาจัดฟันใหม่ซ้ำๆ