ริมฝีปากแห้งเป็นปัญหาได้มากแค่ไหน? ทำไมปากแห้งตลอดเวลา? ปัญหาเหล่านี้ดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กเพียงนิดเดียว แต่ทว่าหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ โดยที่ไม่ทำการรักษา จากปัญหาเล็กน้อยก็สามารถส่งผลต่อสุขภาพช่องปากได้อย่างมากเลยทีเดียว ที่สำคัญการปล่อยให้ปากแห้งแตกยังส่งผลต่อบุคลิกภาพ และความมั่นใจของตัวเองด้วยอีกด้วย เพราะปากแห้ง ปากเป็นขุย ดูไม่ชุ่มชื้น แถมยังคล้ำอีก อาการปากแห้งเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ง่ายนิดเดียว มีวิธีมากมายที่ช่วยให้ริมฝีปากกลับมาชุ่มชื้น ดูดีได้เหมือนเดิม บทความนี้ได้รวบรวมสิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับอาการปากแห้ง พร้อมกับวิธีรักษา รวมไปถึงสาเหตุของปากแห้งด้วย
ริมฝีปากแห้ง คืออะไร?
ริมฝีปากแห้ง เป็นภาวะที่ต่อมน้ำลายไม่สามารถผลิตน้ำลายออกมาให้เพียงพอกับช่องปาก ซึ่งช่องปากที่ต้องการความชุ่มชื้นอยู่เสมอได้ เมื่อน้ำลายไม่เพียงพอ จึงทำให้เกิดอาการปากแห้ง น้ำลายนอกจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว น้ำลายยังมีส่วนประกอบของสารต่างๆ ที่ช่วยรักษาสภาพช่องปาก และฟันให้คงปกติไว้ และเป็นส่วนสำคัญในการช่วยย่อยอาหารอีกด้วย แถมยังช่วยหล่อลื่นอวัยวะในช่องปาก ช่วยในการเคลื่อนไหวของลิ้น รักษาสมดุลในช่องปากและฟัน และน้ำลายยังมีหน้าที่ในการต้านจุลชีพในช่องปากอีกด้วย เมื่อเกิดปัญหาริมฝีปากแห้งจึงไม่จบเพียงเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาอีกมากมาย
ริมฝีปากแห้งเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง?
ริมฝีปากแห้งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อต่อมน้ำลายผลิตน้ำลายไม่พอ ก่อนที่เราจะมาแก้ไขริมฝีปากแห้งนั้น การที่เราได้ทราบสาเหตุของปากแห้ง เราจะได้แก้ไขให้ถูกจุด และจะได้ไม่เกิดอาการเหล่านี้อีก ซึ่งอาการปากแห้งนั้นเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- ดื่มน้ำน้อย ซึ่งน้ำเป็นส่วนช่วยสำคัญที่ทำให้ปากชุ่มชื้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไป ก็ทำให้ปากแห้งได้
- เลียริมฝีปากบ่อยๆ หรือเลียเวลาปากแห้ง ซึ่งการกระทำนี้จะยิ่งทำให้ปากแห้ง เพราะน้ำลายจะมาดึงเอาความชุ่มชื้นจากริมฝีปาก และทำให้ปากแห้งยิ่งขึ้น
- อายุมากขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็จะขาดความชุ่มชื้น ซึ่งทำให้มีอาการปากแห้งได้
- ใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ โดยเฉพาะยารักษาโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล ยารักษาความดันโลหิตสูง ยาแก้ปวด และยาลดน้ำมูก ยาเหล่านี้สามารถส่งผลทำให้เกิดอาการปากแห้งได้
- สภาพอากาศ อากาศเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลทำให้ปากแห้งได้ เช่น อากาศที่เย็น อากาศแห้ง จะทำให้ปากเป็นขุย ปากแตกได้ง่าย
- ภาวะขาดวิตามิน โดยเฉพาะวิตามินบี หากขาดมากๆ ก็จะส่งผลทำให้ปากแห้งแตกมากกว่าเดิม
- แสงแดด เพราะรังสียูวีที่พบได้ในแสงแดดจะทำร้ายผิวปาก ทำให้ปากคล้ำ ขาดความชุ่มชื้น แล้วส่งผลให้ปากแห้งแตกได้ในที่สุด
- อาการแพ้ลิปสติก จะทำให้ปากขาดความชุ่มชื่น แตกแห้ง และเป็นขุยได้ง่าย
- ประสบอุบัติเหตุ หรือศัลยกรรมบริเวณศีรษะ และคอ จนทำให้เส้นประสาทเกิดความเสียหาย ส่งผลให้เกิดอาการปากแห้งได้
- การทำเคมีบำบัด สำหรับผู้ที่รักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด อาจเกิดกระทบกับการผลิตน้ำลาย ทำให้เกิดเกิดอาการปากแห้งได้ง่าย โดยจะเกิดขึ้นระหว่างรักษาเท่านั้น แต่ในบางกรณีอย่างผู้ที่ได้รับการการฉายแสงบริเวณศีรษะและคอ ก็ทำให้ต่อมน้ำลายเกิดความเสียหายได้ ซึ่งจะเกิดเพียงไม่นาน ขึ้นอยู่กับปริมาณรังสีที่ได้รับ และบริเวณที่ทำการรักษาด้วย
เช็กสัญญาณ อาการแบบไหนแปลว่าริมฝีปากแห้งแล้ว
หากใครที่กำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเองนั้นมีอาการปากแห้งหรือเปล่าให้ลองสังเกตอาการเหล่านี้
- ปากแห้ง และรู้สึกเหนียวๆ คอ
- มีอาการคอแห้ง และหิวน้ำบ่อยๆ
- เจ็บภายในปาก หรือเจ็บบริเวณมุมปาก โดยจะมีผิวแตกที่มุมปาก
- มีกลิ่นปากที่ไม่พึงประสงค์
- แสบคอ เจ็บคอ จมูกแห้ง มีปัญหาในการเคี้ยว และการกลืนอาหาร
- มีอาการลิ้นแห้งร่วมกับปากแห้ง รู้สึกว่าลิ้นหยาบหรือแดงด้วย
- มีปัญหาในการพูด หรือการรับรู้รสชาติ
หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีอาการเหล่านี้ ให้รีบพบทันตแพทย์ เพื่อทำการปรึกษาเพื่อหาแนวการรักษาโดยเร็ว เพราะหากปล่อยไว้อาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาวได้ เมื่อเราไปพบทันตแพทย์เพื่อเช็กอาการปากแห้งสำหรับในการรักษาแล้ว ทันตแพทย์จะทำการตรวจเลือด และตรวจต่อมน้ำลายผ่านภาพถ่าย และในกรณีที่ปากแห้งจากกลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren’s Syndrome) จะทำการตรวจเซลล์จากต่อมน้ำลายเพิ่มเติม
วิธีแก้อาการปากแห้งแบบง่ายๆ กู้ริมฝีปากให้กลับมาชุ่มชื้น
เมื่อเราได้ทราบสาเหตุของอาการปากแห้งกันแล้ว สิ่งที่ต้องทราบต่อมา เพื่อกู้ริมฝีปากให้กลับมาดูดีเหมือนเดิม นั่นก็คือวิธีการรักษา หรือวิธีแก้ไข โดยในแต่ละวิธีนั้นขึ้นอยู่กับระดับของอาการปากแห้งที่เกิดขึ้น รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปากแห้งด้วย เพื่อที่จะได้แก้ไขได้ถูกต้อง ไม่เกิดอาการปากแห้งซ้ำสอง ซึ่งจะมีอะไรบ้างไปดูกัน
- เลือกลูกอมหรือหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล จะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำลายให้ผลิตน้ำลายออกมาได้มากขึ้น จะทำให้ปากไม่แห้ง
- ดื่มน้ำเยอะๆ การดื่มน้ำเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญควรเลือกเครื่องดื่มที่ไม่มีน้ำตาล การดื่มน้ำนั้นนอกจากจะช่วยไม่ทำให้ปากแห้ง แต่ยังช่วยรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิวอีกด้วย ซึ่งปริมาณในการดื่มน้ำต่อวัน ควรอยู่ที่อย่างน้อย 8-10 แก้ว นอกจากนี้การอมน้ำแข็งก็สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นภายในช่องปากได้ เพราะน้ำแข็งก็ค่อยๆ ละลายอย่างช้า
- ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นภายในปาก แต่ต้องคอยสังเกตดูว่าเรามีอาการแพ้ฟลูออไรด์หรือเปล่า เพราะไม่อย่างนั้นจะยิ่งทำให้ปากแห้งมากขึ้น
- เพิ่มความชื้นในห้องนอนให้เหมาะสม ด้วยการใช้เครื่องทำไอน้ำ หรือเครื่องทำความชื้นขณะนอนหลับ เพื่อไม่ให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
- กินอาหารที่มีส่วนผสมของวิตามินบี หลายคนคงอาจสงสัยกันเข้ามาว่า ปากแตกขาดวิตามินอะไร? ซึ่งนั่นก็คือวิตามินบี ได้แก่อาหารจำพวกธัญพืชไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง หรือพวกผักใบเขียว เช่น ผักโขม บรอกโคลี คะน้า และรวมไปถึงถั่วเปลือกแข็งต่างๆ เช่น เมล็ดอัลมอนด์ ถั่วลิสง และมะม่วงหิมพานต์
- ปรับหรือเปลี่ยนยา ยาที่ใช้อยู่บางชนิดอาจส่งผลกระทบทำให้ริมฝีปากแห้งได้ ซึ่งควรปรับหรือเปลี่ยนยา เพื่อไม่ให้เกิดภาวะปากแห้ง แต่ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนเสมอ ไม่ควรปรับหรือเปลี่ยนยาด้วยตัวเอง
- หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด เช่น เผ็ดจัด เค็มจัด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในปากจะยิ่งทำให้ปากแห้งได้
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ เพราะมีส่วนผสมที่ยิ่งทำให้ปากแห้ง แถมจะทำให้เจ็บคออีกด้วย
- ใช้น้ำลายเทียม การใช้น้ำลายเทียมช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากได้ แต่ต้องทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด
- เปลี่ยนพฤติกรรมการหายใจ หากปกติแล้วมีพฤติกรรมชอบหายใจทางปาก อาจจะด้วยปัญหาด้านสุขภาพ เช่น มีน้ำหนักตัวที่มาก หรือมีอาการเหนื่อยหอบง่าย เป็นต้น ให้ค่อยๆ ปรับการหายใจทางจมูกให้มากกว่าการหายใจทางปาก
- พยายามอย่าเลียปาก เมื่อรู้ตัวให้หยุด เพราะน้ำลายนั้นจะดูดเอาความชุ่มชื้นออกจากปากไป ปากจะแห้ง และดำคล้ำได้ง่าย
- ใช้ลิปมัน เป็นต้วช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น และบำรุงริมฝีปาก
- ใช้สมุนไพร ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก เช่น น้ำมันมะกอกทาบางๆ ที่ริมฝีปาก หรือใช้น้ำผึ้งทาริมฝีปากจะช่วยลดอาการปากแตก ปากแห้งได้ นอกจากนี้ยังมีใบของต้นเกล้า และน้ำตะไคร้หอมที่ช่วยแก้ริมฝีปากแห้งแตกอีกด้วย
- พบทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อรับการตรวจสุขภาพช่องปากอยู่เสมอ โดยควรพบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง
Q & A คำถามที่พบได้บ่อยเกี่ยวกับริมฝีปากแห้ง
มาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับอาการริมฝีปากแห้ง ที่ส่วนใหญ่สงสัยกันมากมาย
ริมฝีปากแห้งอันตรายไหม?
หากอาการปากแห้งนั้นยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นจะไม่เป็นอันตรายมากนัก เพียงแต่จะรู้สึก ปากไม่สวย เสียความมั่นใจ หรืออาจส่งผลต่อชีวิตประจำเวลากิน เป็นต้น แต่ถ้าหากอาการปากแห้งนั้นรุนแรงมาก จนเกิดเป็นแผลที่ปาก ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ริมฝีปากเกิดอักเสบได้ ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากในระยะยาว ดังนั้นจึงควรรีบรักษาให้ไวจะดีที่สุด
ริมฝีปากแห้งทำให้ปากดำไหม?
ได้แน่นอน เพราะเมื่อปากแห้ง ไม่มีความชุ่มชื้น ริมฝีปากเป็นขุย ปากแตก และจะดำคล้ำได้ง่ายมาก เพราะฉะนั้นต้องดูแลริมฝีปากให้ดี พยายามให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ
อาการปากแห้งทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ไหม?
ได้ ผู้ที่มีอาการปากแห้ง ปริมาณน้ำลายไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่จะมีอาการแทรกซ้อน ดังนี้
เสี่ยงเกิดฟันผุ และเสี่ยงเป็นโรคเหงือก
มีอาการเจ็บในช่องปาก
อาจเกิดการติดเชื้อในช่องปากได้ เมื่อเป็นแผล
เจ็บบริเวณมุมปาก อาจเกิดอาหารแห้งรุนแรงจนทำให้เป็นแผลขึ้นมา
อาจขาดสารอาหารได้ เพราะอาการปากแห้งอาจทำให้มีปัญหาในเคี้ยว และกลืนอาหาร
สำหรับผู้ที่ต้องใส่ฟันปลอม จะใส่ลำบากขึ้น เพราะมุมปากอาจเกิดแผลทำให้อ้าปากได้ไม่เต็มที่
สรุป
ปัญหาริมฝีปากแห้งนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มน้ำ สภาพอากาศ รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตของตัวเราเอง ดังนั้น ถ้าหากมีอาการปากแห้ง จึงควรรีบแก้ไขอย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการทาลิปบาล์ม เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น หรือการดื่มน้ำให้เยอะขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา หรืออาการอื่นๆ ตามมาได้ในภายหลัง