ไขทุกข้อสงสัย! การจัดฟันคืออะไร

รู้ครบทุกเรื่องก่อนตัดสินใจจัดฟัน

จัดฟัน

การจัดฟัน เป็นการทำทันตกรรมรูปแบบหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาฟันให้เรียงตัวสวยงาม และเป็นระเบียบมากขึ้น เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฟัน อาจทำให้ความมั่นใจในตัวเองลดลง ไม่กล้าฉีกยิ้ม ทำให้เสียบุคลิกภาพ และขาดความมั่นใจ ซึ่งการจัดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาฟันเก ฟันเหยิน ฟันห่าง และฟันซ้อน รวมไปถึงแก้ปัญหาในเรื่องของรูปร่างฟัน ขนาดฟัน และการสบฟันที่ไม่ปกติได้

 

ดังนั้น การจัดฟันจึงเป็นหนึ่งวิธีที่ช่วยเรียกความมั่นใจ และรอยยิ้มให้กลับคืนมา ทั้งนี้คลินิกจัดฟันที่ดีต้องมีมาตรฐานตามที่สาธารณสุขกำหนด เพื่อให้คนไข้ได้รับผลลัพธ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัย

การจัดฟันคืออะไร?

การจัดฟันคืออะไร?

การจัดฟัน (Orthodontic) เป็นสาขาหนึ่งในทางทันตกรรมที่ทำการวิเคราะห์ วินัจฉัย และการวางแผนเพื่อป้องกัน รักษา และแก้ปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่เป็นระเบียบ หรือเรียงตัวผิดปกติ อาทิ ฟันซ้อน ฟันเก ฟันไม่สบกัน หรือการมีช่องว่างระหว่างฟัน ซึ่งการจัดฟันช่วยให้การเรียงตัวของฟัน และขากรรไกรสัมพันธ์กับใบหน้า ส่งผลให้มีการสบของฟันที่ดีขึ้น ช่วยให้ผู้จัดฟันสามารถเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดฟันผุ และลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับโรคเหงือก อีกทั้งการจัดฟันยังช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพ และความมั่นใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีฟันที่เรียงกันอย่างสวยงาม ทำให้สามารถฉีกรอยยิ้มได้อย่างมั่นใจ

รู้จักกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน

สำหรับทันตแพทย์ที่สามารถดำเนินการจัดฟันได้ (Orthodontist) ต้องเป็นทันตแพทย์ที่ได้รับการศึกษาต่อเฉพาะทางด้านการจัดฟัน โดยทันตแพทย์ด้านการจัดฟันต้องมีความรู้ความสามารถทั้งในเรื่องของการวินิจฉัย ป้องกัน และรักษาความผิดปกติของฟัน โดยเฉพาะในเรื่องของการสบกันของฟัน ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจัดฟันควรทำกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้น เพราะเรื่องของการจัดฟันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ความปลอดภัยในเรื่องของช่องปากควรมาเป็นอันดับแรก

รูปแบบของการจัดฟัน

การจัดฟันมีกี่แบบ?

สำหรับรูปแบบของการจัดฟันในปัจจุบัน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 รูปแบบหลัก ๆ ดังนี้ 

  1. การจัดฟันแบบติดเครื่องมือ เป็นการติดเครื่องมือจัดฟันไว้บนฟันไม่สามารถถอดออกได้ด้วยตัวเอง โดยส่วนใหญ่มักใช้โลหะเป็นวัสดุหลัก ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน 
  2. การจัดฟันแบบถอดออกได้ เป็นรูปแบบการจัดฟันที่ไม่จำเป็นต้องติดเครื่องมือบนฟัน และสามารถถอดเข้าออกได้ 

นอกจากนี้ การจัดฟันยังสามารถแบ่งออกได้อีก 4 ประเภทตามชนิดของเครื่องมือที่ติดตั้ง ดังนี้ 

    • การจัดฟันโลหะ (Metal Bracket) คือ การจัดฟันโดยการติดเครื่องมือชนิดโลหะไว้ด้านหน้าของผิวฟัน โดยร้อยลวดเข้ากับร่อง Bracket และใช้ยางโอริง (O-ring) ยึดเครื่องมือกับลวดจัดฟันเอาไว้เพื่อปรับตำแหน่งฟัน
    • การจัดฟันเซรามิก (Ceramic) อุปกรณ์ที่ใช้มีลักษะเป็นเซรามิกใสสีเหมือนฟันที่นำมาใช้ยึดติดกับผิวฟันด้านหน้า และร้อยลวดจัดฟันผ่านร่อง Bracket และใช้ยางยืดเครื่องมือกับลวดจัดฟันเพื่อช่วยในการปรับตำแหน่งของฟันให้เป็นไปตามที่ต้องการเหมือนกับการจัดฟันแบบโลหะ
  • การจัดฟันแบบดามอน (Damon) เป็นการจัดฟันรูปแบบใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ยางรัด (Self-ligation Braces) โดยอาศัยเครื่องมือการจัดฟันที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับลวดได้โดยตรง ทำให้ฟันสามารถเคลือนตัวได้ง่าย นุ่มนวล และฟันเคลื่อนที่ได้เร็วมากยิ่งขึ้น 
  • การจัดฟันแบบใส (Invisalign) การจัดฟันแบบใส (Invisalign) เป็นการจัดฟันแบบไม่ต้องติดเครื่องมือจัดฟันไว้บนฟัน สามารถถอดเข้าออกได้ โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้สแกนฟันร่วมกับเอกซเรย์โครงสร้างของกระดูก และใบหน้า เพื่อสร้างอุปกรณ์จัดฟันที่เหมาะสมสำหรับคนไข้แต่ละคนขึ้นมา ซึ่งทำขึ้นจากแลปโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยจากประเทศสหรัฐอเมริกา

จัดฟันครั้งแรกต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่?

สำหรับคนที่จะเริ่มจัดฟันได้เลือกรูปแบบที่ต้องการได้แล้ว มาดูกันว่าสิ่งที่คนจัดฟันครั้งแรกต้องทำต่อมาคือการเตรียมเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน เพราะการจัดฟันนั้นไม่ได้มีค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องเปลี่ยนยางทุกเดือนหรือในช่วงติดตั้งเครื่องมือเท่านั้น ค่าใช้จ่ายจะเริ่มขึ้นตั้งแต่คนไข้ตกลงที่จะใช้บริการและเริ่มเคลียร์ช่องปาก ดังนี้

การจ่ายครั้งที่ 1 การตรวจสุขภาพฟัน

สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจสุขภาพฟันเพื่อเตรียมเคลียร์ช่องปากของแต่คนจะไม่เท่ากัน โดยทางทันตแพทย์จะต้องทำการตรวจเช็กสภาพช่องปากของคนไข้ เช่น การเอกซเรย์ การอุดฟัน การขูดหินปูน การถอนฟัน การพิมพ์ฟัน เป็นต้น โดยปกติแล้วจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 2,000 ถึง 2,500 บาท หรือขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นจากคลินิกทันตกรรม

การจ่ายครั้งที่ 2 การเคลียร์ช่องปาก

จากการตรวจสภาพช่องปาก คนไข้ก็จะทราบได้เลยว่ามีส่วนไหนจะต้องรักษาก่อนเริ่มจัดฟันบ้าง เราก็จะสามารถคำนวณค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ โดยการรักษาที่ PLUS Dental Clinic จะสามารถทยอยทำตามงบประมาณได้เลย ในบางเคสอาจจะมีการจัดฟันร่วมการถอนฟันก็จะอยู่ที่ซี่ละ 500-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยากง่าย การขูดหินปูนเริ่มต้นที่ 800-1,500 บาท การอุดฟันเริ่มที่ซี่ละ 500 บาท หรือการเคลียร์ช่องปากในรูปแบบอื่นๆ ที่ทางทันตแพทย์ได้กำหนด จะต้องเตรียมเงินในขั้นอื่น ๆ อีกประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป

การจ่ายครั้งที่ 3 ติดตั้งเครื่องมือ

สำหรับค่าติดตั้งเครื่องมือนั้นแบ่งการติดเครื่องมือเป็นด้าน คือฟันด้านบน กับฟันด้านล่าง สามารถแบ่งติดเครื่องมือจัดฟันแต่ละด้านได้ โดยให้เตรียมงบประมาณตามโปรโมชั่นจัดฟัน หรือประเภทเครื่องมือการจัดฟันที่คนไข้ได้เลือกไปก่อนหน้าแล้ว โดยรายละเอียดค่าใช้จ่ายการติดตั้งเครื่องมือจัดฟันของ PLUS Dental Clinic จะมีรายละเอียดเบื้องต้นตามนี้

โปรโมชั่น จัดฟันแบบโลหะ

แพ็กเกจ 1,000.-

แบ่งชำระ
ผ่อน 1,500×6เดือน
ผ่อน 1,000×30เดือน

รวม
39,000 บาท

แพ็กเกจ 1,500.-

แบ่งชำระ
ผ่อน 1,000×2เดือน
ผ่อน 1,500×24เดือน

รวม
38,000 บาท

แพ็กเกจ 35,000.-


ชำระครั้งเดียวจบ

รวม
35,000 บาท

– ติดเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะธรรมดา ราคาเริ่มต้นที่ 1,000-1,500 บาท ขึ้นอยู่กับรูปแบบ หรือโปรโมชั่นการจัดฟันที่คนไข้เลือก – ติดเครื่องมือจัดฟันแบบดามอน ราคาเริ่มที่ 15,000 บาท – ติดเครื่องมือจัดฟันแบบเซรามิก ราคาเริ่มที่ 5,000 บาท – ติดเครื่องมือจัดฟันแบบ AOSC ราคาเริ่มที่ 3,000 บาท – จัดฟันใส จะได้รับเครื่องมือจัดฟันเป็นชุดตามทันตแพทย์ประเมิน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 80,000 บาท

ราคาทั้งหมดที่กล่าวมาคือค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องมือครั้งแรกเท่านั้น

การจ่ายครั้งที่ 4 ปรับเครื่องมือประจำทุกเดือน

สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนสุดท้ายนั้นจะต้องทำการจ่ายทุกเดือน หรือตามการนัดพบของทันตแพทย์ เพราะคนไข้ต้องเข้ามาปรับเครื่องมือและเช่นเปลี่ยนยาง ติดตามการรักษา โดยทันตแพทย์จะตรวจการเปลี่ยนแปลงของฟัน นั้นเป็นไปตามแผนการรักษาหรือไม่ และจะต้องจ่ายเงินประมาณ 1,000-2,000 บาทจนกว่าจะครบตามโปรโมชั่น หรือแพ็กเกจจัดฟันที่เลือก ถ้าหากเลือกจัดฟันแบบใสก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
การจัดฟันแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง

การจัดฟันแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง

สำหรับหลายคนที่สงสัยว่าตนเองมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน และต้องการแก้ไขด้วยการจัดฟัน จำเป็นต้องเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อประเมินและวินิจฉัย โดยปัญหาที่สามารถใช้การจัดฟันแก้ไขได้ มีดังนี้

ฟันล่างยื่น

ในทางการแพทย์เรียกว่า ภาวะคางยื่น (Prognathism) มีลักษณะฟันล่างยืนออกมาคร่อมฟันบน หรือปลายฟันล่างชนกับปลายฟันบน ทำให้เกิดช่องวางระหว่างกัน ส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร ทำให้เคี้ยวอาหารไม่ละเอียด และทำให้เกิดปัญหานอนกัดฟันจนมีปัญหาหน้าฟันสึกกร่อนร่วมด้วย

ฟันกัดคร่อม

ลักษณะของฟันกัดคร่อม คือ ฟันบนไม่สบพอดีกับฟันล่าง ทำให้ฟันเยื้อง และดูเหลื่อมกัน ส่งผลต่อการเคี้ยวอาหาร และการเรียงตัวของฟันที่ไม่สวยงาม จึงสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการจัดฟัน

ฟันสบเปิด

ฟันสบเปิดเป็นลักษณะของฟันบน และฟันล่างไม่สบกันเลย จึงมีช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่าง ส่งผลต่อการออกเสียงพูด เคี้ยวอาหาร และส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ โดยปัญหานี้ต้องเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อประเมินการรักษา โดยอาจมีการรักษาร่วมกับการปัก miniscrew ดึงฟัน หรือพิจารณาร่วมกับการผ่าตัด

ฟันห่าง

ฟันห่างเป็นลักษณะของฟันที่ไม่ชิดติดกันเลย จึงทำให้เกิดร่องระหว่างฟัน ส่งผลให้รอยยิ้มไม่สวยงาม มีเศษอาหารติดฟันได้ง่าย และส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ ทำให้ขาดความมั่นใจ  แต่สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการจัดฟันเช่นเดียวกัน

ฟันซ้อนเก

ฟันซ้อนเกเป็นลักษณะของฟันที่ไม่เรียงตัวกัน ส่งผลทำให้ยิ้มไม่สวย มีเศษอาหารเข้าไปติดได้ง่าย อีกทั้งยังเกิดปัญหาในเรื่องของหินปูนขึ้นไว จนทำให้เหงือกอักเสบ มีกลิ่นปาก และมีฟันผุได้ ซึ่งทันตแพทย์อาจใช้การจัดฟันแก้ปัญหาร่วมกับการถอนฟัน หรือหากมีปัญหาฟันเกเพียงเล็กน้อย อาจไม่จำเป็นต้องถอนฟัน


การจัดฟัน เป็นวิธีการที่ช่วยปรับแนวฟันให้เรียงตัวเป็นระเบียบ ทำให้สุขภาพช่องปากมีสุขอนามัยที่ดี การดูแลช่องปากสามารถทำได้ง่าย ลดปัญหาฟันผุ  และทำให้ฟันอยู่กับเราได้นานมากยิ่งขึ้น

สาเหตุของฟันที่เรียงตัวไม่สวยงาม

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมการเรียงตัวของฟันในแต่ละคนถึงมีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นจาก 3 สาเหตุด้วยกัน ดังนี้ 

  • กรรมพันธุ์ กรรมพันธุ์เป็นสาเหตุหลักๆ ที่มีส่วนในการกำหนดขนาด รูปร่าง และความสัมพันธ์ระหว่างฟันและขากรรไกร  
  • จำนวนของฟัน จำนวนของฟันที่ขาด หรือเกิน มีผลต่อการเรียงตัวของฟันโดยตรง หากขาดไปอาจส่งผลกระทบถึงความสมดุลของฟันทำให้ฟันล้ม หรือเอียงได้ หรือในกรณีที่ฟันเกินก็อาจทำให้เกิดฟันซ้อน ฟันเบียดกัน ทำให้ฟันเรียงตัวไม่สวยงาม 
  • พฤติกรรมบางอย่าง อาทิ การดูดนิ้ว หรือการกัดเล็บ การเอาลิ้นดุนฟัน หรือการหายใจก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหาฟันห่าง ฟันยื่น หรือฟันเรียงตัวไม่สวยงามได้เช่นกัน
ขั้นตอนการจัดฟันสำหรับมือใหม่

จัดฟันที่ไหนดี วิธีเลือกคลินิกจัดฟัน

สำหรับมือใหม่ที่ต้องการจัดฟันเป็นครั้งแรก ควรเลือกทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันที่ได้รับการรับรองจากสมาคมจัดฟันแห่งประเทศไทย เพื่อให้ทันตแพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยส่วนใหญ่ขั้นตอนในการจัดฟันนั้นมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 

  1. ปรึกษาทันตแพทย์ โดยเลือกทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันโดยตรง เพื่อตรวจวินิจฉัยปัญหาของฟันในแต่ละบุคคล ซึ่งอาจมีการตรวจรูปหน้า โครงสร้างกระดูกขากรรไกร และฟัน พร้อมซักประวัติ เช่น โรคประจำตัว และการแพ้ยา เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะสม และตรงความต้องการของคนไข้มากที่สุด 
  2. วางแผนการจัดฟัน เกิดขึ้นหลังจากคนไข้เลือกวิธีการจัดฟันเรียบร้อยแล้ว โดยทันตแพทย์จะเป็นผู้จัดทำแผนการจัดฟัน และประเมินค่าใช้จ่าย พร้อมทำการพิมพ์ปาก และสร้างแบบจำลองฟัน 
  3. ถ่ายภาพ X-Ray เพื่อนำภาพมาประกอบการวินิจฉัย ประเมินสภาพฟัน กระดูกขากรรไกรทั้งบน และล่าง เพื่อออกแบบการจัดฟันให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด 
  4. เคลียร์ช่องปาก คือ การเตรียมช่องปากให้พร้อมก่อนจัดฟัน อย่างการเช็กสุขภาพช่องปาก และฟัน เช่น การอุดฟัน การขูดหินปูน การถอนฟัน และการผ่าฟันคุด 
  5. นัดติดเครื่องมือ โดยการจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ทันตแพทย์จะนัดหมายเพื่อปรับเครื่องมือทุกๆ 1-2 เดือนตามประเภท และเครื่องมือการจัดฟัน ส่วนในกรณีของการจัดฟันแบบไม่ติดเครื่องมือ หรือการจัดฟันใส ทันตแพทย์จะแนะนำการดูแล และรักษาฟันให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยมีการเปลี่ยนชุดเครื่องมือตามแผน ซึ่งควรมาตามนัดหมายของทันตแพทย์ทุกครั้ง 
  6. การดูแลช่องปาก และฟันระหว่างจัดฟัน ระหว่างการจัดฟันควรมีการดูแลสุขภาพช่องปากอยู่เสมอ เช่น การแปรงฟันหลังรับประทานอาหาร การใช้ไหมขัดฟัน การตรวจเช็กช่องปาก และการขูดหินปูน เพื่อป้องกันเหงือกอักเสบ 
  7. นัดถอดเครื่องมือ เมื่อแผนเป็นไปตามที่วางไว้ ทันตแพทย์จะนัดถอดเครื่องมือการจัดฟัน และใส่รีเทนเนอร์อย่างเคร่งครัดเพื่อคงสภาพฟันให้เรียงตัวสวยงาม 

นัดติดตามผล หลังจากใส่รีเทนเนอร์ หรืออุปกรณ์คงสภาพฟันแล้ว ทันตแพทย์จะนัดติดตามผลในทุกๆ 1 เดือน 3 เดือน และ 6 เดือนตามลำดับ 

ข้อดีของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน นอกจากช่วยให้ฟันเรียงตัวกันอย่างสวยงามแล้ว ยังส่งผลดีในอีกหลายๆ เรื่อง ดังนี้ 

  • สามารถขบเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น และละเอียดขึ้นกว่าเดิม 
  • ทำความสะอาด และดูแลสุขภาพช่องปากได้ง่ายขึ้น จึงช่วยลดกลิ่นปาก ลดปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ  และหลีกเลี่ยงการสูญเสียฟันในอนาคต 
  • สร้างความมั่นใจ และเสริมบุคลิกภาพให้ดูดีมากขึ้น 
  • สร้างนิสัยการดูแลสุขภาพฟันที่ดีขึ้น 
  • ปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม 
  • ฟันเรียงตัวสวยงาม และออกเสียงพูดได้ชัดขึ้น 

ข้อจำกัดของการจัดฟัน

ข้อจำกัดของการจัดฟัน สำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันควรทราบไว้ เพื่อรับมือกับข้อจำกัดบางประการที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจจัดฟัน โดยมีดังต่อไปนี้ 

  • ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง การจัดฟันมีค่าใช้จ่ายที่สูง รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมก่อนจัดฟัน เช่น การพิมพ์ปาก เอ็กซเรย์ฟัน เคลียร์ช่องปาก อุปกรณ์ทันตกรรมจัดฟัน และการทำรีเทนเนอร์ 
  • ใช้ระยะนาน สำหรับการจัดฟันต้องใช้เวลานานกว่าจะจัดเสร็จ รวมถึงจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ทุกเดือนโดยเฉพาะการจัดฟันแบบติดเครื่องมือ ดังนั้น ผู้ที่มีแผนเรียนต่อต่างประเทศ ย้ายงาน หรือย้ายบ้านอาจส่งผลกระทบได้ 
  • รับประทานอาหารอย่างระมัดระวัง การจัดฟันต้องมีการรับประทานอย่างระวัง โดยเฉพาะอาหารที่มีลักษณะเหนียว หรือแข็งอาจส่งผลให้เครื่องมือจัดฟันเสียหายได้
  • ใส่ใจในเรื่องสุขภาพช่องปากมากขึ้น เพราะเศษอาหารเข้าไปติดฟันได้ง่าย จึงต้องใส่ใจในเรื่องการทำความสะอาดฟันหลังรับประทานอาหารทุกครั้ง 
  • รู้สึกเจ็บปวดในขณะจัดฟัน เช่น การดึงฟัน การปรับเครื่องมือ อาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวดได้ รวมถึงการถอนฟันด้วยเช่นกัน
ข้อดีของการจัดฟัน

การดูแลรักษาหลังจัดฟัน

การดูแลความสะอาดของช่องปากหลังจัดฟันเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการจัดฟันในแต่ละครั้งใช้เวลาค่อนข้างนาน จึงต้องดูแลสุขภาพช่องปาก เพื่อลดปัญหาที่ตามมาในอนาคต โดยมีคำแนะนำดังนี้ 

  1. ใช้แปรงสีฟันสำหรับการจัดฟันโดยเฉพาะ
  2. เลือกใช้ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ เพื่อลดปัญหาฟันผุ และยับยั้งแบคทีเรียในช่องปาก
  3. แปรงฟันหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ 
  4. ใช้ไหมขัดฟันในการดูแลซอกฟัน 
  5. หมั่นตรวจเช็กฟันผุทุกๆ 6 เดือน รวมถึงการขูดหินปูนร่วมด้วย

จัดฟันที่ไหนดี

สำหรับการเลือกคลินิก หรือสถานพยาบาลสำหรับจัดฟัน ควรศึกษาข้อมูลของแต่ละสถานที่เพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยใช้เกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้ 

  • เข้ารับการจัดฟันโดยทันตแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น โดยตรวจสอบรายชื่อทันตแพทย์จัดฟันได้ที่นี่
  • เลือกคลินิกที่จัดตั้งตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข 
  • เดินทางสะดวกสบาย หรือติดรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT 
  • มีแผนสำหรับการแบ่งจ่ายชำระเป็นรายเดือน 
  • เครื่องมือครบครัน และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย 
  • สามารถปรึกษากับทันตแพทย์ได้โดยตรง 

จัดฟัน ที่ PLUS Dental Clinic ดียังไง?

สำหรับการจัดฟันที่ PLUS Dental Clinic เป็นคลินิกที่ให้บริการการรักษาฟันทุกรูปแบบ เช่น ทันตกรรมจัดฟัน ทำรากฟันเทียม วีเนียร์ ฟอกสีฟัน เป็นต้น โดยมีทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันคอยดูแล รวมถึงวางแผนการรักษาฟัน และสุขภาพช่องปากของทุกคนอย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนี้ 

  • ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันจากสถาบันชั้นนำผู้มีประสบการณ์ คอยให้คำปรึกษา และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม 
  • เครื่องมือ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีทันสมัย
  • มีรูปแบบการจัดฟันที่หลากหลาย ตอบโจทย์กับความต้องการของแต่ละบุคคล 
  • คลินิกที่จัดตั้งตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข  จึงมีความปลอดภัยและรักษาสุขภาพฟันของคนไข้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 
  • ปรึกษาและวางแผนการจัดฟันกับทันตแพทย์โดยตรง 
  • ครบครันในเรื่องของทันตกรรม และการดูแลช่องปาก 



สิ่งสำคัญในการจัดฟัน คือ การเลือกคลินิก และทันตแพทย์จัดฟันเพราะทันตแพทย์จะเป็นผู้ประเมิน และวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาฟันตรงกับความต้องการของผู้เข้ารับการรักษามากที่สุด โดยทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันของ PLUS Dental Clinic เป็นทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันที่มีประสบการณ์ สามารถวางแผนการรักษาให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี และมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างรอยยิ้มที่สวยงาม และเรียกคืนความมั่นใจกลับมาสู่คนไข้ทุกคน 

โปรโมชั่น จัดฟันแบบโลหะ

แพ็กเกจ 1,000.-

แบ่งชำระ
ผ่อน 1,500×6เดือน
ผ่อน 1,000×30เดือน

รวม
39,000 บาท

แพ็กเกจ 1,500.-

แบ่งชำระ
ผ่อน 1,000×2เดือน
ผ่อน 1,500×24เดือน

รวม
38,000 บาท

แพ็กเกจ 35,000.-


ชำระครั้งเดียวจบ

รวม
35,000 บาท

ลงทะเบียน ตอนนี้!
ปรึกษาคุณหมอฟรี
พร้อมรับของแถมมูลค่ากว่า 15,000 บาท

พิเศษ จองตอนนี้ พิมพ์ฟันลด 50%
เพียง 350 บาท

สงวนสิทธิ์ ลงทะเบียน ภายใน

วัน
ชั่วโมง
นาที
วินาที

#จัดฟัน #จัดฟันราคา #จัดฟันครั้งแรก#จัดฟันที่ไหนดี #ดัดฟัน #ดัดฟันครั้งแรก #ดัดฟันที่ไหนดี